ว่าแต่...แครนเบอร์รี่มีประโยชน์อย่างไรต่อสุขภาพ ถ้าอยากรู้แล้วล่ะก็ ตามมารู้จักเจ้าผลไม้สีแดงลูกเล็ก ๆ น่าชิมลูกนี้กันดีกว่าจ้า
แครนเบอร์รี่ (Cranberries) เป็นหนึ่งในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีผลเล็ก ๆ สีแดงสด รสชาติหวานอมเปรี้ยว มักจะปลูกในแถบประเทศอเมริกา และแคนาดา แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ทานเจ้าผลไม้นี้แบบสด ๆ กันสักเท่าไหร่ มักจะได้ทานแครนเบอร์รี่ในรูปแบบที่ผสมมากับอาหารชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผลไม้ ซอส แยม โยเกิร์ต รวมทั้งแครนเบอร์รี่อบแห้ง
พลังงาน 46 กิโลแคลอรี
ไฟเบอร์ 4.6 กรัม
น้ำตาล 4.04 กรัม
แคลเซียม 8 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม 6 มิลลิกรัม
แมงกานีส 0.15 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 13 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 85 มิลลิกรัม
โซเดียม 2 มิลลิกรัม
วิตามินซี 13.3 มิลลิกรัม
วิตามินเอ 60 IU
วิตามินเค 5.1 ไมโครกรัม
แคโรทีน 36 ไมโครกรัม
ลูทีน และซีแซนทีน 91 ไมโครกรัม
เห็นสารอาหารเต็มเปี่ยมอย่างนี้แล้ว คงอยากรู้แล้วใช่ไหมว่า แครนเบอร์รี่ มีประโยชน์อย่างไรต่อสุขภาพบ้าง เรามาดูพร้อม ๆ กันเลย
แก้โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
แครนเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรีย จึงมีสรรพคุณต่อกรกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เนื่องจากในแครนเบอร์รี่มีสารหลายชนิด โดยเฉพาะสารแทนนิน ที่ช่วยหยุดการเกาะตัวของแบคทีเรียอี โคไล ที่บริเวณผนังทางเดินปัสสาวะ คนที่เป็นโรคนี้ให้ดื่มน้ำแครนเบอร์รี่เข้มข้น ไม่มีน้ำตาลแก้วละ 250 มิลลิลิตรทุกวัน วันละ 3 แก้ว ถ้าจิบวันละ 1 แก้วจะช่วยป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นโรคนี้ได้อีก หรือรับประทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดจากแครนเบอร์รี่วันละ 800 มิลลิกรัมก็จะช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายแข็งแรง นอกจากนี้ยังช่วยขจัดกลิ่นในปัสสาวะได้ด้วย
ช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากอากาศหนาว
แครนเบอร์รี่มีวิตามินซีสูง จึงช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บที่มากับอากาศหนาวได้ และยังเหมาะที่จะนำไปทำเครื่องดื่มประเภทสมูธตี้ผลไม้ นำส้มคั้นลูกขนาดกลางหนึ่งลูก เกรปฟรุตครึ่งลูกคั้นเอาแต่น้ำใส่ในเครื่องปั่น เติมแครนเบอร์รี่ 2 กำมือและกล้วย 1 ผลลงไป ปั่นให้เข้ากัน ดื่มเพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทาน และช่วยให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าเหมือนอยู่ในฤดูร้อนที่แสนสดใส
ผิวพรรณและริมฝีปากเนียนนุ่มชุ่มชื่น
แครนเบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินซี และแอนตี้ออกซิเดนท์จำนวนมากที่ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่น จึงเหมาะที่จะนำไปทำเป็นลิปมัน เพื่อป้องกันริมฝีปากแห้งแตกในช่วงหน้าหนาว โดยนำแครนเบอร์รี่ 10 ผลผสมกับน้ำมันสวีทอัลมอนด์ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา น้ำมันวิตามินอี 1 หยด ไปต้มจนเดือด นำส่วนผสมที่ได้ไปบดให้ละเอียดผ่านกระชอน เสร็จแล้วทิ้งไว้ให้เย็น นำมาทาเวลาปากแห้ง
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยพบว่า ในแครนเบอร์รี่มีสารโปรแอนโธไซยานิดีน (Proanthocyanidine) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสีกลุ่มสีม่วงที่ดีกับสุขภาพเส้นเลือดอีกด้วย แถมยังช่วยป้องกันโรคเหงือก และแผลในช่องท้องได้อีกต่างหาก
เห็นประโยชน์ดี ๆ ของผลไม้จิ๋วลูกนี้แล้ว คงต้องรีบไปหาแครนเบอร์รี่มาลิ้มชิมรสกันแล้วล่ะ