"น้ำตาลกลูโคส" ในน้ำตาลธรรมชาตินั้นจะสามารถให้พลังงานแก่สมองมนุษย์ในช่วงเวลาที่ต้องการพลังงานสำหรับการควบคุมอารมณ์โกรธได้
ปกติแล้ว สมองของผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเฉลี่ย 1.3 กิโลกรัมนั้นจะเผาผลาญพลังงานจากน้ำตาลกลูโคสมากถึง 25% ของปริมาณการใช้พลังงานจากน้ำตาลกลูโคสทั่วร่างกาย และใช้ออกซิเจนคิดเป็นสัดส่วน 20% ของปริมาณการใช้ออกซิเจนของอวัยวะทั้งหมด แต่เมื่อสมองต้องทำกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งการแสดงและควบคุมอารมณ์โกรธ สมองจะต้องการพลังงานมากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะต้องสั่งการอวัยวะจำนวนมากให้ทำงานในเวลาเดียวกัน
สังเกตได้ง่ายๆ เมื่อมีอารมณ์โกรธจะเกิดอาการ "ปรี๊ด" ขึ้นมาที่สมอง ก่อนที่สมองจะสั่งให้ "เหวี่ยง" คนที่ทำให้โกรธ การหายใจจะเร็วขึ้น หน้าจะแดง เพราะเลือดสูบฉีดเข้าไปยังส่วนบนของร่างกาย และเมื่อหายโกรธแล้วจะรู้สึกอ่อนเพลีย เนื่องจากร่างกายนำกลูโคสจำนวนมากไปใช้ในช่วงเวลาที่เกิดอาการ "เหวี่ยง"
ศาสตราจารย์ แบรด บุชแมน แห่งมหาวิทยาลัยโอไฮโอ เปิดเผยว่าทีมนักวิทยาศาสตร์ได้จัดกลุ่มทดลองเป็นอาสาสมัครสองกลุ่มที่ได้รับประทานน้ำมะนาวผสมน้ำเชื่อม กับอีกกลุ่มหนึ่งได้รับเพียงน้ำมะนาวผสมน้ำตาลเทียมเพื่อให้รสหวาน ก่อนที่จะนำเข้าห้องทดลองที่มีการกำหนดเงื่อนไขว่าผู้ทดลองทั้งหมดต้องกดปุ่มที่มีแสงวาบขึ้นมาให้ได้เร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษด้วยการฟังเสียงดังเท่าๆ กับเครื่องบินเจ็ตเร่งเครื่องระดับสูงสุด พบว่าอาสาสมัครที่รับประทานน้ำมะนาวผสมน้ำตาลธรรมชาติสามารถลดอารมณ์โกรธได้เร็วกว่าอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับน้ำตาลเทียมอย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกันผลการศึกษาอีกชุดหนึ่งของ ศ.บุชแมนกับทีมงานแห่งมหาวิทยาลัยเคนตักกี้ พบว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานระดับรุนแรงมีการลดอารมณ์โกรธได้ดีกว่าบุคคลปกติทั่วไป เนื่องจากผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานจะมีปริมาณน้ำตาลในกระแสเลือดมากกว่าคนปกติที่น้ำตาลส่วนใหญ่จะถูกกักเก็บไว้ในตับเป็นส่วนใหญ่
รู้อย่างนี้แล้ว ก็ดับความโกรธด้วยความหวานของน้ำตาลนะค่ะ
ที่มาข้อมูล kroobannok.com
ที่มารูปภาพ foodslender.com