กรณีรัฐบาลเดินหน้าโครงการเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยทั่วประเทศ และมีการจัดสรรงบประมาณเดินหน้าก่อสร้างเขื่อนใหญ่ให้กับ จ.ชัยภูมิ ให้ทันภายในปีงบประมาณ ปี 2557  จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย เขื่อนโปร่งขุนเพชร งบประมาณ 1,200 ล้านบาท เขื่อนยางนาดี งบประมาณ 2,700 ล้านบาท (ล่าสุดปรับเพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาท) และเขื่อนชีบน งบประมาณกว่า 5,000 ล้านบาท (เตรียมปรับเพิ่มเป็น 5,500 ล้านบาท) โดยให้เร่งดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จและพิจารณาทบทวนค่าเวนคืนที่ดินให้เหมาะสมกับชาวบ้านในพื้นที่ด้วย

กระทั่งพบว่ามีกลุ่มนายทุน ชาวบ้าน และข้าราชการในพื้นที่ ได้เข้ามากว้านซื้อที่ดิน แล้วว่าจ้างช่างให้มาก่อสร้างหมู่บ้านผี มีบ้านและรีสอร์ทกว่า 700 หลัง เพื่อหวังได้รับเงินชดเชยค่าบ้านหลังละ 1 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีกลุ่มบุคคลอ้างตัวเป็นข้าราชการและเจ้าหน้าที่เรียกรับเงินส่วนแบ่ง 10 เปอร์เซ็นต์ของค่าเวนคืนที่ดิน ที่ชาวบ้านจะได้รับไร่ละ 5 หมื่นบาทอีกด้วยโดยมีการจัดสรรที่ดินเป็นบล็อก ๆ เพื่อสร้างบ้านอีก เพื่อหวังได้รับเงินชดเชย ตามที่ “เดลินิวส์” ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ผู้สื่อข่าวจากส่วนกลางได้รับเบาะแสจากชาวบ้านว่าพบหมู่บ้านผีผุดเพิ่มขึ้นอีกในหมู่บ้านระหารค่าย ต.โคกสะอาด อ.หนองบัวระเหว ซึ่งเป็นพื้นที่เขตพื้นที่เตรียมก่อสร้างเขื่อนยางนาดี ความจุ 70 ล้านลูกบาศก์เมตร กินพื้นที่ 3 ตำบล ของ อ.หนองบัวระเหว และ อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ  โดยชาวบ้านให้ข้อมูลว่ากลุ่มนายทุนกลุ่มเก่าที่มาจากจ.ราชบุรี และนครราชสีมา ซึ่งเป็นอดีตนักการเมืองระดับชาตินอกพื้นที่ ได้กว้านซื้อที่ดินในพื้นที่กว่า 150 ไร่ พร้อมกับเร่งระดมคนงานก่อสร้างเข้ามาก่อสร้างเพิ่มขึ้นอีกในพื้นที่ดังกล่าว

แม้ที่ผ่านมาทางราชการจะติดป้ายประกาศห้ามก่อสร้างและจะไม่ออกบ้านเลขที่ให้ก็ตามหลังจากที่ตกเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ แต่ก็ยังมีกลุ่มนายทุนมาตระเวนทำสัญญาเช่าที่ดินของชาวบ้านแล้วจัดสรรเป็นบล็อก ๆ สร้างบ้านและรีสอร์ท เนื่องจากที่ดินบริเวณนี้มีราคาแพง จึงใช้วิธีเช่าที่ดินปลูกบ้านเพื่อหวังเงินชดเชย จากนั้นจะให้ส่วนแบ่งกับเจ้าของที่ดินรายละ 10 เปอร์เซ็นต์ และจ่ายให้กับผู้ที่เฝ้าดูแลบ้านอีก 30เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะทำให้ รัฐต้องเสียเงินค่าชดเชยเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมสูงกว่า 300 ล้านบาทโดยเฉพาะในเขตหมู่บ้านระหารค่าย กลับมีความพยายามของกลุ่มนายทุนและคนต่างถิ่นเข้ามาก่อสร้างหมู่บ้านเพิ่มเติมอีก นอกจากนี้ยังพบว่าบ้านที่มีอยู่ทั้งหมดกว่า 400 หลัง มีคนเข้ามาอาศัยอยู่เพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ต่อมานายพรศักดิ์ เจียรณัย  ผวจ.ชัยภูมิ ได้นำคณะผู้สื่อข่าวเดินทางลงสำรวจพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้งพบว่ามีการก่อสร้างบ้านดังกล่าวเพิ่มขึ้นจริง โดยบ้านแต่ละหลังมีลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียวขนาดเล็ก กว้างประมาณ 4x5 เมตร ก่อสร้างด้วยอิฐบล็อก มุงหลังคาสังกะสี มีคนงานจำนวนหนึ่งกำลังเร่งมือก่อสร้าง โดยผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากคนงานรายหนึ่งว่า นายจ้างได้สั่งให้เร่งก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน จึงต้องทำงานกันทั้งวันทั้งคืน นอกจากนี้ยังพบบ้านอีกกว่า 30 หลังที่อยู่ในเขตก่อสร้างเขื่อน มีนายทุนเข้ามาเช่าที่ดินถูกปลูกในบริเวณใกล้เคียงกัน ทราบว่าบ้านบางหลังเป็นของข้าราชการบางกลุ่ม และชาวบ้านที่เดินทางมาจากจังหวัดนครราชสีมา  ได้มาว่าจ้างคนงานให้มาปลูกบ้านเพื่อหวังเงินชดเชยด้วยเช่นกัน

นายพรศักดิ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีการเข้ามาก่อสร้างหมู่บ้านผีเพิ่มขึ้นในพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนอีก ทั้งที่ประกาศสั่งห้ามไปก่อนหน้านี้ ซึ่งลักษณะหมู่บ้านผีที่เกิดขึ้นถือว่าข่ายฉ้อโกงฉ้อฉล มีเจตนาแอบแฝงเพื่อหวังรอเรียกร้องเงินค่าชดเชยเวนคืนที่ดิน และพบว่ามีกลุ่มนายทุนไม่กี่รายอยู่เบื้องหลัง อาทิ บางรายมีที่ดินเพียง 14 ไร่ แต่มีการสร้างบ้านเต็มพื้นที่มากกว่า 74 หลัง แบ่งล็อกแบบน็อกดาวน์ขายขนาดไม่เกิน 50 ตารางวา มีราคาประเมินการก่อสร้างไม่ถึง5-7 หมื่นบาท รวมไปถึงรายอื่น ๆ อีกไม่กี่คนมีพื้นที่ครอบครองบ้านเจ้าเดียวก็สูงกว่า 122 หลัง  รวมแล้วมากกว่า 700 หลัง

ส่วนปัญหาหมู่บ้านผี วันนี้น่าจะจบลงได้แล้ว เพราะจากการตรวจสอบส่วนใหญ่เป็นบ้านผีที่ไม่มีคนอยู่จริงเลย จะมาเรียกร้องหลังละ 1 ล้านบาท ทางจังหวัดไม่มีทางจ่ายให้เด็ดขาด ซึ่งเรื่องนี้ทางราชการยอมไม่ได้และไม่อยากให้ประชาชนหลงเชื่อเพราะตามหลักการจ่ายค่าชดเชยได้ตรวจสอบแล้ว ในส่วนคนที่จะหลงเชื่อพยายามไปหาเงินนอกระบบมาเพื่อจะมาลงทุนสร้างบ้านผีก็อย่าคิดทำอีกดีกว่า และหลังจากที่มีการเตือนแล้วยังไม่หยุด ต่อไปจะต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด 

อย่างไรก็ตาม ได้แต่งตั้งนายพิสุทธิ์ บุษยพรรณพงษ์ ปลัด จ.ชัยภูมิ และพ.ต.อ.ไอยศูรย์ สิงหนาท รอง ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ เป็นหัวหน้าชุดสอบสวนข้อเท็จจริงในพื้นที่เตรียมก่อสร้างเขื่อนทั้ง 3 อำเภอ และให้รายงานข้อเท็จจริงโดยด่วน เพื่อดำเนินการกับบุคคลที่เกี่ยวข้องเพราะถือว่าเข้าข่ายมีเจตนาแอบแฝง

ด้านนายสามารถ เพิ่มสุข อายุ 38 ปี ชาวบ้านบ้านละหารค่าย เปิดเผยว่า เท่าที่ทราบพื้นที่ที่มีการเข้ามาก่อสร้างบ้านผีมี 2 โซน มีบ้านกว่า 400 หลัง แต่มีคนมาอยู่จริง ๆ เพียง 38 หลังเท่านั้น เดิมที่ดินบริเวณนี้เป็นของคนในพื้นที่รายหนึ่งที่ได้ขายให้กับนายทุนจาก จ.นครราชสีมา และปราจีนบุรีไปแล้ว และปัจจุบันเจ้าของเดิมก็เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนตนเข้ามารับงานเป็นคนงานก่อสร้างหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อมีงานก็มาหารายได้เสริมเท่านั้น ส่วนจะได้หรือไม่ได้เงินชดเชยตนไม่ทราบ.