(ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหาข่าว)
นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างกฎกระทรวงคมนาคมกำหนดความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยที่ผู้โดยสารต้องปฏิบัติในระหว่างการโดยสาร ซึ่งเป็นการปรับปรุงกฎหมายฉบับเดิมที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2522 ให้เหมาะสมกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป และให้ผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยจากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะมากขึ้น โดยกำหนดให้ผู้ที่ใช้บริการขนส่งรถประจำทางต้องไม่นำสิ่งของที่มีกลิ่นแรงขึ้นบนรถ ส่วนบทลงโทษนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เสนอให้กรมการขนส่งทางบกไปประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของบทลงโทษ รวมถึงการควบคุมดูแลให้ปฏิบัติตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย
ทั้งนี้ นอกจากการกำหนดไม่นำสิ่งของที่มีกลิ่นแรงขึ้นบนรถประจำทางแล้ว ยังกำหนดให้ผู้ที่ใช้บริการต้องไม่สูบบุหรี่ ไม่กล่าววาจาไม่สุภาพ ไม่โดยสารนอกตัวรถ ห้อยโหน และยื่นมือ แขน หรือส่วนใดส่วนหนึ่งออกนอกตัวรถ ไม่นำดอกไม้เพลิง ลูกระเบิด วัตถุระเบิดขึ้นบนรถ ไม่บ้วนน้ำลาย ถ่มน้ำลายหรือเสมหะลงบนรถ ไม่ขึ้นหรือลงจากรถนอกบริเวณที่มีเครื่องหมายหยุดรถ ไม่เสพสุรา ให้รัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง และไม่กระทำการลามกอนาจาร ส่วนการใช้บริการขนส่งรถไม่ประจำทาง จะกำหนดแนวทางปฏิบัติรูปแบบเดียวกันกับรถประจำทาง แต่แตกต่างตรงที่ไม่ได้กำหนดการห้ามนำสิ่งของที่มีกลิ่นแรงขึ้นบนรถ
อย่างไรก็ตาม สศช.ยังเสนอด้วยว่า กรมการขนส่งทางบกควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะและประชาชนผู้ใช้บริการได้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงกฎกระทรวงดังกล่าว เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดตามร่างกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งช่วยยกระดับมาตรฐานการให้บริการและความปลอดภัยการใช้รถโดยสารสาธารณะในภาพรวมด้วย