บาชาร์ อัล-อัสซาด ออกโรงเตือนว่าหากประเทศใดโจมตีซีเรีย จะเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดสงครามไปทั่วภูมิภาค พร้อมลั่นหากชาติใดมีหลักฐานที่โทษว่า รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีจริง ให้นำออกมาแสดงอย่าดีแต่พูด
วันนี้(3ก.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล-อัสซาด ออกโรงเตือนว่าหากประเทศใดก็ตามโจมตีประเทศของเขาแล้วล่ะก็ มันจะเป็นตัวจุดชนวนสงครามที่ควบคุมไม่ได้ไปทั่วภูมิภาคและจะแพร่ขยายไปเรื่อยๆอย่างแน่นอน
อัล-อัสซาดได้ออกมาพูดเรื่องดังกล่าว หลังจากที่ทางประธานาธิบดี โอบามา ได้ออกมากล่าวว่า เขาจะขออนุญาติจากสภาคองเกรสก่อนที่จะใช้การโจมตีทางทหารกับทางซีเรีย ทั้งนี้ อัล-อัซซาดยังได้ออกมาปฏิเสธเรื่องที่ชาติอื่นออกมากล่าวหาว่า ทางรัฐบาลของเขาได้ใช้อาวุธเคมีกับประชาชนของตนเองอีกด้วย พร้อมท้าทายสหรัฐและฝรั่งเศสให้นำเอาหลักฐานมาพิสูจน์ตามคำกล่าวอ้าง โดยกล่าวว่า "ถ้าสหรัฐฯ ฝรั่งเศสหรืออังกฤษ มีหลักฐานมาพิสูจน์เรื่องดังกล่าวได้จริง พวกเขาคงนำมันมาโชว์ตั้งแต่วันแรกแล้ว" พร้อมเย้ยโอบามาว่า "อ่อนแอ" และถูกแรงกดดันทางการเมืองภายในประเทศ และยังบอกอีกว่า "เราเชื่อว่าคนที่เข้มแข็งนั้นจะต้องเป็นคนที่ป้องกันไม่ให้เกิดสงคราม ไม่ใช่เป็นคนที่ก่อสงครามขึ้นมาเสียเอง"
ขณะเดียวกันทางรัฐบาลซีเรียออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ใช้อาวุธเคมีกับประชาชน อย่างที่หลายประเทศกล่าวอ้าง โดยโทษว่าเป็นฝีมือของกลุ่มต่อต้าน พร้อมเตือนว่าหาก สหรัฐฯหรือฝรั่งเศสโจมตีซีเรีย หลายฝ่ายจะเสียการควบคุมและจะก่อให้เกิดหายนะลามไปทั่วและเสี่ยงที่จะทำให้เกิดสงครามขึ้นทั่วภูมิภาคอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ในการประชุมฉุกเฉินที่ผ่านมา สันนิบาตอาหรับ 22 ประเทศเรียกร้องให้ทางสหประชาชาติและประชาคมโลกดำเนินมาตรการ ยับยั้งรัฐบาลซีเรียสำหรับเรื่องการใช้อาวุธเคมีกับประชาชน แม้ว่าทางรัสเซียและจีนนั้นจะพยายามขัดขวางไม่ให้คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติมีมติอนุมัติให้ดำเนินการโจมตีซีเรียก็ตาม