อย่างไรก็ตาม รองเท้าชัคส์นั้นมีแต่สีดำและสีขาวเป็นเวลานานหลายทศวรรษ แต่เมื่อทีมบาสเก็ตบอลต่างๆ ต้องการที่จะให้รองเท้ามีสีอื่นๆด้วย ทำให้เมื่อปี 1966 คอนเวอร์สจึงต้องผลิตรองเท้าสีอื่นๆ นอกจากนั้น ยังมีการเปลี่ยนไปใช้วัสดุอื่นๆในการทำรองเท้าด้วย เช่น หนัง หนังกลับ ไวนีล ป่าน แทนที่จะเป็นผ้าใบเพียงอย่างเดียว
ในช่วงทศวรรษที่ 1970 และต้น 1980 นั้น คอนเวอร์สได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่เมื่อถึงช่วงกลางทศวรรษที่ 1980 และ 1990 ปรากฏว่ามีคู่แข่งหน้าใหม่ เช่น ไนกี้ เข้ามาช่วงชิงลูกค้าไปด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความทันสมัย ทำให้คอนเวอร์สไม่ได้เป็นรองเท้าแห่งวงการเอ็นบีเออีกต่อไป จากเหตุผลนี้บวกกับการตัดสินใจทางธุรกิจที่ผิดพลาดอีกหลายครั้งทำให้คอนเวอร์สต้องเผชิญภาวะล้มละลาย เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2001 ทำให้บริษัทต้องเปลี่ยนมือไป และในปีนั้นเองที่โรงงานแห่งสุดท้ายในสหรัฐฯได้ถูกปิดลงไปพร้อมกัน ซึ่งปัจจุบันรองเท้าคอนเวอร์สจะถูกผลิตจากประเทศต่างๆในทวีปเอเชีย เช่น จีน อินโดนีเซีย และเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2003 ทางคอนเวอร์สได้รับข้อเสนอของไนกี้ ในการเข้ามาเทคโอเวอร์ด้วยเงินจำนวน 305 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
แม้ว่าคอนเวอร์สจะต้องเผชิญภาวะตกต่ำ แต่รองเท้าคอนเวอร์ส Chuck Taylor All-Star นั้นถือว่าเป็นรองเท้าที่ขายดีมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยในศตวรรษที่ 21 มีรองเท้ารุ่นดังกล่าวถึง 600 ล้านคู่ที่ถูกขายออกไปทั่วโลก และแม้ว่าปัจจุบัน นักบาสเก็ตบอลจะไม่ใส่คอนเวอร์สกันอีกต่อไปแล้ว แต่คอนเวอร์สยังคงได้รับความนิยมจากกลุ่มนักดนตรี วัยรุ่นหนุ่มสาวทั่วโลกแทน
ทั้งนี้ นอกจากรุ่นชัคแล้ว รองเท้าคอนเวอร์สอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ แจ็ก เพอร์เซลล์ ซึ่งผลิตกันมาตั้งแต่ปี 1935 โดยตั้งชื่อตาม แจ็ก เพอร์เซลล์ ยอดนักแบดมินตันและนักเทนนิสที่โด่งดังมากในสมัยนั้น และแจ็กเองก็เป็นผู้ที่ช่วยออกแบบรองเท้าด้วยตัวเองอีกด้วย