เป็นรถยนต์รุ่นหนึ่งที่ทางบีเอ็มดับเบิลยูต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ เพราะเป็นรถที่ชนะรายการ Mille Miglia ซึ่งเป็นการแข่งขันด้วยระยะทางกว่า 1,600 กิโลเมตร โดยรถรุ่นนี้พกพาเครื่องยนต์ขนาด 2,000 ซีซี กำลัง 80 แรงม้า ตัวถังอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา และมีความเร็วสูงถึง 150 กม./ชม. ซึ่งถือว่าเร็วมากในยุคนั้นเลยทีเดียว
บีเอ็มดับเบิลยูคันนี้เป็นรถรุ่นเดียวกับรถข้างต้นที่เพิ่งกล่าวถึงไป แต่ได้ทำการปรับดีไซน์ภายนอกใหม่ เพิ่มความเป็นรถสปอร์ตโร้ดสเตอร์ที่สมัยนั้นนิยมรถฝากระโปรงเรียบ และสีสันสดใสเข้าไป ทำให้ BMW 328 Roadster รุ่นปี 1940 ดูมีเสน่ห์มากขึ้นเป็นกอง
รถหรูรุ่นแรก ๆ จากบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานั้น มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2,000 ซีซี กำลัง 65 แรงม้า ซึ่งต่อมายังมีการเพิ่มรุ่นคูเป้และเปิดประทุนเข้าไปอีกด้วย โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 3,200 ซีซี แรงถึง 160 แรงม้าเลยทีเดียว
รถยนต์คันจิ๋วรูปทรงคล้ายไข่ที่ได้ฉายาว่า Bubble Car ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์ยอดนิยมอีกรุ่นหนึ่งของบีเอ็มดับเบิลยู เป็นรถเครื่องยนต์สูบเดียว มีให้เลือกหลายขนาดตั้งแต่ 250 ไปจนถึง 600 ซีซี และจำหน่ายในเยอรมนี, อิตาลี, ฝรั่งเศส, สเปน, เบลเยียม และบราซิลเท่านั้น โดยขายได้เป็นจำนวนทั้งหมดราว 161,728 คัน
สปอร์ตโร้ดสเตอร์คันงามมีรุ่นนี้ วางเครื่องยนต์ V8 ขนาด 3,000 ซีซี กำลัง 150 แรงม้า พร้อมเกียร์ธรรมดา 4 สปีด ซึ่งคนรักรถหลายคนต่างพากันหลงใหลในความงามของมัน แต่น่าเสียดายที่ตั้งราคาสูงไปนิดในสมัยนั้น จึงไม่ได้รับความนิยมเท่าใดนัก โดยผลิตจำหน่ายเพียง 252 คันเท่านั้น
มีอีกชื่อหนึ่งว่า บีเอ็มดับเบิลยู นิว คลาส (BMW New Class) เป็นรถขนาดคอมแพ็คซีดานที่ช่วยกู้สถานะทางการเงินของบีเอ็มดับเบิลยู และกลายเป็นต้นแบบของสปอร์ตซีดานทุกรุ่นตั้งแต่นั้นมา โดยนิว คลาส พกพาเครื่องยนต์ขนาด 1,500-2,000 ซีซี ที่พร้อมจะพาผู้โดยสารทะยานไปถึงจุดหมายไปด้วยความราบรื่น
BMW M1 รุ่นปี 1978
BMW 528i รุ่นปี 1981
BMW 750iL รุ่นปี 1987
สำหรับรถบีเอ็มดับเบิลยูทั้ง 11 คันนี้ ถือเป็นแรงบันดาลใจของบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นต่อ ๆ มาในปัจจุบันอย่างชัดเจน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ารถยนต์จากค่ายรถกังหันสีฟ้านั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเรื่องราวที่น่าสนใจไม่แพ้ใคร แถมด้วยสมรรถนะและเทคโนโลยีระดับหัวแถวของแต่ละยุค จึงไม่แปลกที่หลายคนก็อยากเป็นเจ้าของยนตกรรมจค่ายนี้สักครั้งในชีวิตเลยล่ะ