โกอินเตอร์ "ปอย-ตรีชฎา" สวยที่โลกต้องตะลึง!

 

 

 

 

 

 

ไม่ได้หายหน้าไปไหน สาวสวยล้ำเกินหญิงอย่าง ปอย-ตรีชฎา มาลยาภรณ์ มีโอกาสโกอินเตอร์ไปเล่นหนังฮ่องกงฟอร์มยักษ์ ประกบซุป'ตาร์ดังอย่าง กู่เทียนเล่อ และจางเจียฮุย ส่วนความรักก็หว๊านหวานจนมดตัวน้อยตัวนิดต้องหันมอง ทั้งหมดนี้ จะถูกเปิดเผยอย่างที่ไม่เคยมีสื่อไหนเคยล้วงลึกมาก่อน และ "ปอย" เองก็พร้อมเปิดใจในทุกแง่มุมชีวิต
       
        ทีมงานมีนัดกับเธอที่บ้านกลางเมือง เออร์บาเนี่ยน ย่านลาดพร้าว 71 "ปอย" มาแบบเบาๆ สะบัดสวยๆ สุดสะดุดตาด้วยชุดเดรสแหวกกลางหลังสีฟ้าติดเข็มกลัดชาแนลประดับเพชร สวยเช้งแบบมีออร่า จนทีมงาน และตากล้องต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะ
       
        ปอย ตรีชฎา หรือ ศักดิ์นรินทร์ ในชื่อเดิม ลงจากชั้นสองของบ้านเข้ามาทักทายทีมงานด้วยรอยยิ้มหวาน ๆ ชวนน่าหลงใหล ก่อนจะเอ่ยปากชวนขึ้นรถส่วนตัวออกไปรับประทานก๋วยเตี๋ยวปลาเจ้าประจำ ซึ่งเป็นร้านที่เจ้าของตำแหน่งมิสทิฟฟานี่ 2004 และมิสอินเตอร์เนชั่นแนล ควีน 2004 เลือกใช้เป็นสถานที่ในการพูดคุยกับ M-Lite แบบเป็นกันเอง
       
        โกอินเตอร์เล่นหนังฮ่องกง
       
        สาวประเภทสองที่สวยที่สุดในโลกตรงหน้า เริ่มเล่าถึงหนังฮ่องกงฟอร์มยักษ์ "White Strom" ผลงานของผู้กำกับชาวฮ่องกง "บ๊อบบี้ ชาน" ที่เคยกำกับหนังเรื่อง "ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ" โดยเธอรับบทเป็น "มีนา" ลูกสาวมาเฟียผู้ค้ายารายใหญ่ของเอเชีย
       
        "หนังที่ปอยเล่นชื่อว่า White Strom หรือพายุสีขาวค่ะ เป็นหนังฮ่องกง ปอยได้เล่นเรื่องนี้ก็เริ่มมาจากไดเรกเตอร์แคสติ้งคนไทยท่านหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงในการรับทำหนังเมืองนอกที่เข้ามาฉายในไทย วันหนึ่งพี่เขาโทรมาหาปอย ถามว่าไปแคสติ้งไหม เป็นหนังฮ่องกง เล่นกับนักแสดงชื่อดังหลาย ๆ ท่าน อย่าง กู่เทียนเล่อ แต่ตอนนั้นพูดตรงๆ ปอยไม่อยากไป เพราะกลัวการแข่งขัน ถ้าเราไม่ได้ กลัวจะเสียใจหนัก ส่วนบทพี่เขาก็อธิบายให้ปอยฟังว่า มียิงปืน เป็นตำรวจหญิง ซึ่งเราได้ยินแบบนี้ ก็ถามตัวเองว่า ทำไมเขาเปิดโอกาสให้เราไปแคสต์ล่ะ สุดท้ายก็ตัดสินใจไปแคสต์ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร"
       
        ปอย เผยต่อไปถึงรู้สึกอันยิ่งใหญ่เมื่อได้มีโอกาสเข้าไปแคสติ้งหนังกับทีมภาพยนตร์ของฮ่องกง
       
        "ตอนไปแคสติ้ง มีคนแข่งขันเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนดาราด้วยกัน แล้วก็มีเพื่อนสาวประเภทสองด้วยค่ะ รวมๆ แล้วเกือบ 100 คน บอกตรงๆ ตอนนั้นกังวลมากค่ะ แต่ก็คิดแค่ว่า ไม่ได้ก็ถือเป็นประสบการณ์ จำได้ว่าตอนแคสต์เล่นไม่ค่อยดี สุดท้ายทีมงานโทร.มาบอกว่า เราผ่านเข้ารอบ 20 คน ปอยดีใจมากและขอบทที่จะต้องแคสติ้งอีกรอบไปเรียนการแสดงเพิ่ม ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า แต่ใจมาแล้ว ฝันไง อยากเดินพรมแดง (หัวเราะ) ปอยก็เลยเต็มที่ และเรียนหนักมาก เรียนตั้งแต่ 3 ทุ่มถึงตี 1 เพราะโอกาสสำหรับคนที่เป็นแบบปอย มันยากนะคะที่จะได้มีโอกาสแบบนี้"
       
        "มีบททดสอบหนึ่งในคลาสเรียนที่ครูสอนเคยแกล้งหลอกผีปอย แล้วปอยก็กรี๊ดลั่นเลย แต่ครูบอกว่า ไม่ได้ การบอกว่ามีผี แล้วกลัว มันเหมือนกับเราไม่คอนเซนเทรท หรือไม่ตั้งอกตั้งใจอยู่กับบทที่ได้รับ สมมติว่าเราอยู่หน้ากล้อง เราก็คิดนั่นคิดนี่ อย่างตอนนั้นปอยก็ต้อมลืมเรื่องผี ถามว่า ลืมได้ไหม ก็ไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์แต่ก็ต้องพยายาม จนถึงวันจริง วันที่ปอยไปแคสต์รอบสอง สิ่งที่ครูสอนช่วยปอยได้เยอะมาก จนปอยแคสติ้งเสร็จผู้กำกับก็ปรบมือให้ แต่ตอนนั้นยังไม่ประกาศผลนะ ผ่านไป 1 เดือน ทีมงานก็โทรมาบอกว่า ยินดีด้วย คุณได้รับเลือกค่ะ"
   

ขวัญใจกองถ่ายภาพยนตร์ฮ่องกง

    
        นี่คือความรู้สึกของเธอแบบเต็มๆ หลังได้รับเลือกให้เล่นบท "มีนา" ลูกสาวมาเฟียในเรื่อง White Strom ซึ่งเป็นนักแสดงหลักในเรื่องนี้
       
        "พอได้ยินว่าปอยได้รับเลือกให้เล่นบทนี้ ปอยดีใจมากค่ะ ดีใจมากๆ ก่อนหน้านั้น ใจก็อยากโทร.ไปถามว่า เป็นอย่างไรบ้าง อยากรู้จะแย่อยู่แล้ว แต่กลัวหน้าแตก (หัวเราะ) อย่างที่ปอยบอก ที่ปอยไม่ชอบแคสติ้ง เพราะปอยกลัว ถ้าเราผิดหวังเราก็เสียใจ แต่จริงๆ เป็นความคิดที่ผิดนะคะ คนเราต้องสู้ ต้องมีการพัฒนาในตัวเองค่ะ สุดท้ายมารู้ว่าเป็นปอย ปอยดีใจมาก และภูมิใจในตัวเองมากๆ จากนั้นก็พยายามหาหนังฮ่องกงมาดูบ่อย ๆ เพราะอยากจะทำให้ดีที่สุด แต่ใจหนอใจ มันชอบลอยไปอยู่ที่พรมแดงอยู่เรื่อย (หัวเราะ) แต่พี่สาวจะดุปอยตลอดว่า มัวแต่สนใจอย่างอื่น ระวังจะเล่นไม่ได้นะ"
       
        "ส่วนคิวถ่ายมีหลายประเทศตั้งแต่ฮ่องกง มาเก๊า จีน แล้วก็ไทย จำได้ว่าที่ทีมงานนัดไปที่กองฯ ปอยได้เจอซูเปอร์สตาร์แบบ โอ้โห! ตื่นเต้นมาก ปอยก็บอกพี่คนไทย พี่คะ ปอยอยากถ่ายรูปกับพี่กู่เทียนเล่อได้ไหมอ่ะ พี่เขาก็บอกว่า คงยากอ่ะน้อง อย่าเพิ่งเลย ปอยก็โอเคค่ะ ไม่เป็นไร เราก็เล่นๆ ของเราไป สุดท้ายพี่กู่เทียนเล่อ และดาราอีกหลาย ๆ คนขอปอยถ่ายรูป โอ้ย! ตอนนั้นดีใจมาก รีบเอากล้องมาให้ถ่ายเลยค่ะ ตอนนั้นก็แอบคิดนะว่า เขาคงชอบของแปลก (หัวเราะ)"

ตัวอย่างฉากในหนังฮ่องกง


       
        ถามลึกลงไปถึงบทที่ได้รับเล่น หลายคนคงคิดว่า ปอยต้องโป๊สะบัด แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่อย่างที่คิด
       
        "ถอดเสื้อผ้านี่ไม่มีเลยค่ะ จะมีก็แต่ฉากพระอาทิตย์ตกดินแล้วก็จูจุ๊บเฉยๆ ซึ่งเป็นฉากจูบที่ปอยไม่เคยถ่ายมาก่อนเลย และผู้กำกับก็ไม่ได้บอกเราก่อนด้วย มาบอกอีกที จูบวันนี้เลยนะ และวันนั้นปอยเพิ่งกินส้มตำปลาร้า ส่วนพระเอกที่จูบกับหนู จำได้เลยว่า เขารีบวิ่งไปบ้วนปาก ดูยิ่งใหญ่มาก ซึ่งปอยอายมากเลยค่ะ (ทำท่าเขินอาย) เพราะเขาบอกจะใช้ลิ้นด้วย เพื่อความสมจริง แถมมีคนวิ่งมาดูเต็มไปหมด สุดท้าย 2 เทกผ่านค่ะ เพราะถ้าเรายังเขิน อาจจะต้องมีหลายเทค" 
       
        เรื่องนี้หวานใจอย่าง เอ็ม พีระพงษ์ เคารพไทย ว่าอะไรไหม ปอยชี้แจงทันทีว่า "ขอเอ็มแล้วค่ะ ซึ่งเอ็มก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เมื่อก่อนเรื่องแบบนี้ไม่ได้เลยนะคะ เอ็มหวงมาก เดี๋ยวนี้เราทั้งสองคนโตกันมากขึ้น เขาก็เข้าใจว่านี่คือการทำงานค่ะ"
       
        เธอคือขวัญใจกองถ่าย
       
        สวยเกินหญิงแบบนี้ ใครเล่าจะไม่สะดุดตา ขนาดซุป'ตาร์ดัง ยังขอถ่ายรูปด้วย รวมไปถึงทีมงานในกองถ่ายที่มักจะอำนวยความสะดวกให้เธอทุกอย่าง ซึ่งเรื่องนี้เจ้าตัวเล่าด้วยความรู้สึกดีใจ เพราะทีมงานเป็นกันเอง และให้เกียรติในสิ่งที่เธอเป็น
       
        "ทีมงาน ดารานักแสดง รวมไปถึงพี่กู่เทียนเล่อเขารู้ค่ะว่าปอยเป็นสาวประเภทสอง ตอนแรกก็อยากจะถ่ายรูปกับเขา แต่ยังไม่กล้า แต่พอพี่เขามาขอปอยถ่ายรูป จากที่เคยเกร็งกลับกลายเป็นความสนิท และเป็นตัวของตัวเอง พี่ๆ ในกองมักจะแอบชมปอยว่า เป็นคนมีสปิริต และอยู่ง่าย กินง่าย อย่างเขาเตรียมรถบ้านไว้ให้ หรือเตรียมอะไรดี ๆ ไว้ให้ ปอยจะไม่ค่อยไปอยู่ตรงนั้น แต่ปอยจะไปคลุกคลีอยู่กับคนทำกับข้าว ช่างแต่งหน้า หรือทุกครั้งที่ผู้กำกับเรียกเข้าฉาก ปอยจะเป็นคนวิ่งไปถึงก่อนคนแรกทุกครั้ง ซึ่งทุกคนก็จะบอกว่า อย่าวิ่ง ๆ เพราะกลัวปอยล้ม แต่ปอยรู้สึกว่า เราต้องทำให้ดีที่สุด"


       
        นอกจากนี้ เธอยังลงลึกไปถึงตัวซุป'ตาร์ดังอย่าง กู่เทียนเล่อ ส่วนจะลงลึกเรื่องอะไรนั้น นี่คือสิ่งที่เธอกำลังจะเล่าต่อไป
       
        "พี่กู่เทียนเล่อ ถ้าไม่สนิท เข้าถึงยากมากๆ เข้าถึงยากจริง ๆ เขาจะมีคนติดตามประมาณ 6-7 คน มีคนถือน้ำร้อน ถือน้ำเย็น คนถือน้ำยาบ้วนปาก คนถือน้ำเปล่า คนถือเก้าอี้ คนถือร่ม ช่างแต่งหน้า ทั้งหมดนี้จะคอยเดินตามเป็นระบบ ซึ่งกับดาราคนอื่นไม่เป็นนะ เพราะเขาระดับซูเปอร์สตาร์ แต่ด้วยความเป็นดาราดัง เขากลับดีกับปอย และเพื่อนปอย ปอยรู้สึกดีมากๆ ค่ะ"
       
        ด้วยความเป็นนักแสดงหญิงที่ถูกรุมล้อมไปด้วยนักแสดงชาย ไม่แปลกที่จะเธอมักจะถูกแกล้งอยู่บ่อยๆ
       
        "ปอยเป็นนักแสดงหญิงแค่คนเดียว ทำให้ปอยมักจะถูกแกล้งอยู่เสมอๆ เช่น แกล้งทำเป็นเรียกปอย แล้วบอกว่าคนนี้ชอบ ซึ่งปอยมองว่าน่ารักดีนะ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ได้คิดอะไรหรอก แค่แกล้งเราเล่นเฉยๆ หรือบางทีในเรื่องอาหารการกิน จะมีการแอบซื้อมาให้ปอยเป็นพิเศษ เช่น ไก่... แกง...ไก่ ซึ่งไม่รู้จะสื่ออะไรหรือเปล่า (หัวเราะ) ดังนั้นปอยจะรู้สึกผูกพัน อย่างตอนจะกลับหลังจากถ่ายที่ฮ่องกงประมาณ 5 เดือน ปอยนี่ร้องไห้เลย พี่ๆ ทีมงานเองก็ร้องไห้ด้วย"
       
        ถึงวันนี้ เธอภูมิใจมากที่ได้มีโอกาสโชว์ฝีมือการแสดงในหนังฮ่องกงฟอร์มยักษ์ ต้องขอบคุณโอกาสที่ผู้ใหญ่หยิบยื่นให้
       
        "ตอนเด็กๆ ปอยชอบดูหนังจีน แล้วก็ชอบเอาผ้าขนหนูมาทำเป็นผม ซึ่งคิดว่าตัวเองกำลังเป็นนางพญางูขาว พอมาวันนี้มันเหมือนฝันที่เป็นจริง ได้เล่นหนังฮ่องกง มันยังรู้สึกเหมือนความฝันอยู่เลย จริงๆ นะคะ มันเหลือเชื่อ และไม่น่าเชื่อว่าปอยจะโชคดีขนาดนี้" เธอสารภาพด้วยความรู้สึกเต็มตื้นปีติ
       
        "ปอย" ในมุมที่คุณอาจไม่เคยรู้
       
        จบประเด็นเรื่องหนัง มาล้วงลึกกันต่อถึงความเป็นปอย ตรีชฎา ซึ่งใครหลายคนรู้จักเธอกันดีจากการประกวดมิสทิฟฟานี่ 2004 และ มิสอินเตอร์เนชั่นแนล ควีน 2004 รวมไปถึงความสวยเกินหญิงตามหน้าหนังสือพิมพ์ นิตยสาร งานละคร ตลอดจนงานหนังหลาย ๆ เรื่อง

 


       
       "ปอย" เป็นคน จังหวัดพังงา แต่ไปเติบโตที่จังหวัดภูเก็ต มีเชื้อสายจีนเต็มตัวจึงทำให้เธอตัวขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะ ปัจจุบัน กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ด้านกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะว่าเธออยากเป็นอัยการของต่างประเทศ และที่สำคัญอยากจะเปลี่ยนแปลงในเรื่องของสิทธิของเพศที่สาม โดยเฉพาะเรื่องคำนำหน้า เพราะเวลาไปต่างประเทศมักไม่ค่อยมีใครเชื่อว่าเธอเป็นผู้ชาย และกว่าจะเข้าประเทศได้ต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ มากมาย ทำให้เธอเห็นความสำคัญข้อนี้
       
        "ตอนเด็กๆ ปอยฝันอยากจะเป็นผู้หญิงที่ไม่ใช่สาวประเภทสอง งงไหมคะ ไม่ต้องงงค่ะ (หัวเราะ) คือปอยไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นสาวประเภทสอง ปอยจินตนาการอยู่ตลอดว่า ตัวเองนั่งปฐมนิเทศตอนเข้าม.1 แล้วหมุนตัวขึ้นลอยบนฟ้า ผมยาวออกมา ปิ๋ง เป็นผู้หญิงสวย และมักจะคิดกับตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่า เราเป็นผู้หญิงปลอมตัวมา หรือ ตอนอยู่ ม.3 เห็นพี่คนหนึ่งเดินกดขามา พ่อก็บอกว่า พี่เขาเพิ่งไปแปลงเพศมา พอปอยรู้ว่าคนเราแปลงเพศได้ ปอยตกใจมาก และรู้สึกว่ามันน่ากลัว คำถามเกิดขึ้นตลอดเวลาว่า ทำไมถึงกล้าผ่าตัด ทำไม ทำไม พี่เขาเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าอีก 3 ปีต่อจากนั้น ปอยผ่าตัดแปลงเพศ ซึ่งการตัดสินใจผ่าในครั้งนั้น สอนปอยเลยว่า เราจะไปตัดสินใครก่อนไม่ได้" ปอยเล่า
       
        เจาะลึกไปถึงตัวตนของ "ปอย" เห็นบอบบางร่างน้อยแบบนี้ ใครจะไปรู้ว่า เธอแข็งแกร่งมาก
       
        "ข้อดีของปอยคือ ยังมีความเข้มแข็ง และแกร่งเหมือนผู้ชาย ปอยไม่เคยอ่อนแอเลย สมมติว่าปอยเลือดออก ปอยเจ็บ ปอยจะไม่โหวกเหวกโวยวายเป็นเรื่องใหญ่ หรือถ้าจะต้องเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว ปอยจะไม่เรียกร้อง ไม่เรื่องมาก ไปที่ไหนก็ได้ อยู่ที่ไหนก็ได้ กินอะไรก็ได้ อีกอย่างคือ ปอยไม่กลัวที่จะต้องคุยกับใคร แต่ข้อเสียคือ ปอยเป็นคนใจร้อน เชื่อมั่นในตัวเองมาก นอกจากนั้น ถ้าใครได้รู้จักปอย จริงๆ ปอยเป็นคนตลกนะ เอาใจเพื่อนๆ มากเลยค่ะ"
       
        ส่วนในเรื่องของความเป็นตัวของตัวเอง เธอเคยมีบทเรียนไม่รู้ลืมเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังด้วย
       
        "กาลเวลาสอนปอยว่า การเป็นตัวของตัวเองไม่ใช่เป็นสิ่งที่ผิด อย่างตอนเข้าวงการมาใหม่ ๆ ปอยเคยเป็นตัวของตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ถูกสอนว่า จะต้องเป็นไปในอีกแบบหนึ่งคือ เรียบร้อยมากๆ จำได้ไหมค่ะว่า ตอนเข้าวงการใหม่ๆ ปอยแอ๊บเสียงเยอะมาก จุดนี้ปอยโดนโจมตีเยอะมาก แต่ตัวปอยไม่รู้ (ลากเสียงยาว) ก็เลยเป็นอย่างนั้นไป แต่ปอยก็มีความสุขนะที่ปอยแอ๊บเสียง (หัวเราะ) แต่ตอนนั้นปอยแค่ไม่รู้ว่ามันดูไม่เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งจริงๆ แล้วปอยไม่ใช่คนเรียบร้อย ต้องขอบคุณเวลาที่ช่วยตกตะกอนจนเห็นความจริงว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำ และไม่ควรทำ"

ปอย ตรีชฎา-กู่ เทียนเล่อ


       
        มุมธรรมะเธอก็มีเหมือนกัน
       
        ลึกลงไปถึงมุมธรรมะ ปอยไม่ค่อยได้เคยให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการที่ไหนมาก่อน แต่เชื่อหรือไม่ หนุ่มสวยคนนี้ มีมุมธรรมะมากกว่าที่ใครหลายคนคิด
       
        "ทุกวันนี้ปอยดำเนินชีวิตโดยพยายามไม่ให้ผิดศีล 5 เลย เหล้าก็เลิกดื่มไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ส่วนเรื่องโกหกก็พยายายามระวังตัวเอง เพราะบางครั้งคนเราโกหกโดยไม่รู้ตัว เมื่อพลาดก็จะเตือนตัวเองตลอดว่า เฮ้ย! มันไม่ใช่นะ นอกจากนั้นปอยให้เวลากับการสวดมนต์ ซึ่งจะสวดทั้งเช้า และเย็น โดยเช้าอาจเป็นบทสวดที่สั้นหน่อย ไม่ว่าจะเป็นสวดอาราธนาศีล 5 คำนมัสการไตรสรณคมน์ ชัยมงคลคาถา พาหุงมหากา และจบด้วยยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก หลังจากสวดมนต์เสร็จ จะสวดบทแผ่เมตตาทุกครั้ง แต่ปอยยังไม่เก่งถึงขึ้นปฏิบัติภาวนานะคะ ส่วนการทำบุญทำทาน ปอยจะไม่ขาดเลยค่ะ"
       
        "ปอยไม่ได้โตมาจากคนที่มีฐานะ ปอยโตจากมาครอบครัวธรรมดา ปอยเคยลำบาก เวลาปอยเห็นคนลำบาก ภาพในอดีตมันจะเข้ามา วันนี้ปอยพอมี ปอยจะคิดอยู่เสมอว่า เราก็ควรจะแบ่งปันให้แก่ผู้อื่นด้วย อย่างเวลาปอยขับรถแล้วเห็นคุณยายกำลังเข็นของ ปอยจะทนไม่ได้ เพราะปอยเป็นคนรักแม่ รักยาย ดังนั้น ปอยจะลงไปช่วยเข็นบ้าง ให้เงินท่านบ้าง ส่วนเอ็ม แฟนปอยก็ดีมากค่ะ มีใจคิดสงสารเหมือนกัน แต่เขาไม่ค่อยได้ปฏิบัติ เวลาเห็นปอยทำ เขาก็เลยทำตาม"
       
        "มีอยู่ครั้งหนึ่งเจอคุณยายขายของ ปอยก็ให้เอ็มเอาเงินไปให้ เพราะอยากช่วยจริงๆ เอ็มก็ยื่นเงินให้คุณยาย 1,000 บาทแล้วบอกไม่ต้องทอน ตอนนั้นก็กลัวว่าคุณยายจะไม่รับเงินเรา แต่พี่รู้ไหมว่าตอนนั้นคุณยายทำอะไร คุณยายแทบจะคุกเข่าไหว้เอ็ม แล้วเอ็มก็ทรุดเข่าลงตามไปรับ"

ปอย ประกบคู่ จางเจียฮุย


       
        ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทีมงานขอให้เธอเล่า ทั้ง ๆ ที่ตัวเธอไม่อยากจะเล่าเลย เพราะกลัวถูกมองว่าโอ้อวด หรือสร้างภาพต่างๆ นานา
       
        "ทุกวันนี้ปอยคิดแค่ว่า จะดำเนินชีวิตอย่างไรไม่ให้เบียดเบียนคนอื่น คนเรามันไม่มีใครเป็นคนดีมากถึงขนาดว่าใจไม่คิดอคติกับคนอื่น ซึ่งบางครั้งปอยก็มี แต่ปอยจะพยายามดึงตัวเองกลับมา สมมติมีคนพิมพ์วิพากษ์วิจารณ์ปอยเสียๆ หายๆ ตอนนั้นอยากจะพิมพ์ตอบกลับไปมาก เพียงแค่เราอยากจะพิมพ์ เคยไหมค่ะ ใจมันเต้นตุ๊บๆ ๆ ๆ เหมือนจะหน้ามืด ปอยเป็นอย่างนั้นเลย สุดท้ายก็มีสติ เพราะรู้ว่านี่คือบาป ปอยก็จะหยุดทำ ถ้าปอยพิมพ์กลับ ปอยสะใจ แต่ปอยเป็นทุกข์ ปอยจะทำไม ปอยอยู่เฉยๆ ด้วยการย้อนกลับมานั่งพิจารณาตัวเองว่าจริงไหม ถ้าไม่จริงก็มองข้ามไปดีกว่า"
       
        อย่างไรก็ดี ในมุมธรรมะ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ครอบครัวคือผู้อยู่เบื้องหลังที่สำคัญของเธอ
       
        "ตอนเด็ก ๆ ปอยเข้าใจว่า การเข้าวัด คือการทำกิจกรรมสนุก ๆ มีการตักบาตรทุก ๆ เช้า คือเราไม่เข้าใจความหมายของการตักบาตรคืออะไรมากมาย รู้ว่าคือการได้บุญ แต่พอได้โตขึ้น บวกกับอ่านหนังสือธรรมะ ทำให้ปอยอ๋อ (ลากเสียงยาว) นี่คือสิ่งที่มีประโยชน์ในการใช้ชีวิต ปอยจึงสนใจ และอยากศึกษาให้ลึกขึ้น และพยายามชวนครอบครัว และคนรอบข้างเข้าหาธรรมะ" เธอเล่า
       
        ไอดอลของลูกสาว
       
        ด้วยความไฉไลจนสาวแท้ สาวเทียมต้องอิจฉา รวมไปถึงเก้ง กวาง บ่าง ชะนีที่ใครหลายคนต่างยกนิ้วในเรื่องความสวย ไม่แปลกที่ลูกสาววัยกำลังโตทั้งหลาย จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "โตขึ้นอยากสวยเหมือนพี่ปอย" จนยกให้เธอเป็นคุณแม่ หรือไอดอลกันเลยทีเดียว
       
        "รู้สึกดีใจมากค่ะ สิ่งที่ปอยทำมาทั้งหมด ปอยไม่ได้คาดหวังให้ใครมองว่าปอยเป็นไอดอล แต่สิ่งที่ปอยทำมันบังเอิญเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ปอยไม่ได้พูดว่าปอยเป็นคนดี คำว่าถูกต้องไม่จำเป็นต้องเรียบร้อย แต่ควรรู้จักคำว่ากาลเทศะ การวางตัวกับผู้ใหญ่ ซึ่งปอยขอเรียกว่าการสร้างภาพในเชิงบวก เพราะปอยรู้สึกว่า คนเราจะเป็นตัวของตัวเองตลอดเวลาไม่ได้ แต่ก็ต้องมีเสน่ห์ในความเป็นตัวของตัวเองออกมาบ้างในบางครั้ง ไม่ใช่ว่าเป็นตัวเองแบบสุดโต่ง ไม่ฟังใคร แบบนี้อันตราย"
       
        "ดังนั้น หลายๆ ครั้งที่ปอยมีโอกาสเจอน้องๆ ที่ชื่นชอบในตัวปอย ปอยมักจะบอกว่า ปอยไม่ได้เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ หรือคิดดีตลอดเวลา แต่ปอยรู้จักดึงตัวเองกลับมา อีกอย่าง ทำอะไรก็ได้ ขอให้ถูกต้อง และที่ขาดไม่ได้คือ ความกตัญญู นี่คือสิ่งที่สำคัญมากๆ ปัจจุบัน แฟนคลับปอยมีทั้งหญิงแท้ และลูกสาววัยกำลังโต รวมไปถึงผู้หญิงแท้ๆ ก็มีนะ" พูดจบเธอก็เผยรอยยิ้มออกมา


       
        เมื่อถามถึงไอดอลของเธอบ้าง "แม่" คือต้นแบบที่เธอชื่นชมมาตลอด
       
        "แม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ปอยมากๆ ค่ะ ทุกวันนี้อะไรที่มันผิดศีลธรรม แม่ปอยจะไม่ทำ แม่จะเป็นคนที่หัวโบราณมากๆ มีน้ำใจ แม้แต่กับคนที่รู้จักปอยต่อให้เขาทำไม่ดีกับเรา แม่ก็จะให้อภัย บางครั้งเราก็แอบน้อยใจนะว่าทำไมแม่เข้าข้างคนอื่น แต่สิ่งที่แม่ทำ แม่สอนให้เรารู้จักให้อภัย สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมให้ปอยเป็นคนไม่ค่อยโกรธใคร อีกอย่างแม่จะเน้นในเรื่องความถูกต้อง ซึ่งต้องเริ่มมาจากตัวของเราเองค่ะ"
       
        ผู้ชาย/แต่งงาน/มีลูก?
       
        ไม่ถามไม่ได้กับประเด็นเรื่องความรักกับหวานใจ เอ็ม พีร์ระพงษ์ เคารพไทย ที่ความรักหว๊านหวาน จนสาวแท้ สาวเทียมตาร้อนผ่าวไปตาม ๆ กัน
       
        "กับเอ็ม รู้จักกัน 4 ปีแล้ว ปอยเป็นคนเชื่อมั่นในความรัก และเชื่อว่าความรักมีอยู่จริง พอเราเชื่อแบบนั้น การแสดงออกมันก็จะสอดคล้องไปตามทัศนคติที่เราคิด วันนี้ปอยมีความสุขมากๆ ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร (ยิ้ม) ปอยไม่ได้โชคดีในเรื่องความรักนะ แต่ปอยโชคดีที่คนเข้ามาพร้อมจะทำความเข้าใจเรา เมื่อเราเข้าใจกันและกัน ทุกอย่างก็ไปด้วยกันได้"
       
        แต่พอพูดถึงเรื่องแต่งงาน เธอกลับแสดงความรู้สึกเฉย ๆ กับเรื่องนี้ขึ้นมาทันที
       
        "เรื่องแต่งงาน พูดตรงๆ นะ ตอนนี้ปอยมองข้ามไปเลย ปอยเฉยๆ มาก แต่ถามว่าปอยอยากมีงานแต่งงานไหม ปอยอยากมีงานสวยๆ แต่ไม่อยากมีเพื่อผูกมัดผู้ชาย เรื่องนั้นขอให้เป็นเรื่องของอนาคตมากกว่า แต่คบกันแบบนี้ ปอยมีความสุขมากแล้ว เพราะปอยรู้สึกว่า วุฒิภาวะของปอยยังไม่ถึงเวลาตรงนั้น" เธอให้เหตุผล

 


ถ่ายชุดว่ายน้ำกับนิตยสาร Mars

 

 

       
        พร้อมกันนี้ "ปอย" ยังเปิดเผยเรื่องการจะมีลูกให้ฟังด้วย
       
        "ปอยเป็นพี่คนโต ปอยมีน้องสาว มีน้องชาย ปอยเลี้ยงน้องสาว น้องชายมาตั้งแต่พวกเขาเกิดเลย ทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะล้างขวดนม ต้มขวดนม ชงนม บดกล้วย เช็ดอึ เช็ดฉี่สารพัด จนน้องค่อยๆ โตและช่วยเหลือตัวเองได้ ปอยจึงมีความรู้สึกรักเด็ก ผูกพันกับเด็ก ปอยไม่ใช่นางงามรักเด็กนะคะ ถึงเวลานี้ปอยก็มีความรู้สึกอยากจะมีลูก แต่การมีลูกต้องมองให้ดีว่า มีเพื่อตัวเอง หรือเพื่อตัวเด็ก ถ้าถามปอย พูดตรงๆ ว่าคิดครึ่งๆ ใจหนึ่งก็อยากมีเด็กน่ารักๆ แต่อีกใจก็อยากจะมีลูกเพื่อเลี้ยงเขาให้เติบโตเป็นคนดีของสังคม"
       
        "ส่วนถ้าจะมีลูกจริง ๆ ถามว่ากังวลเรื่องสังคมที่จะกดดันเด็กไหม ตอนนี้ไม่กลัวเลย เพราะว่าปอยมีน้องสาว น้องชาย คนรอบข้างพวกเขาไม่มีใครล้อเลียนหรือพูดถึงความผิดปกติในตัวปอยเลย ปอยเชื่อว่ามันขึ้นอยู่กับการวางตัวของเราด้วยค่ะ"
       
        อย่างไรก็ดี ในประเด็นที่ใครหลายคนมักจะพูดถึงว่า ไม่มีรักแท้ ในหมู่เกย์ กะเทย ตลอดจนหญิงรักหญิง เรื่องนี้ปอยมีมุมมองที่อยากจะแบ่งปัน
       
        "คนเรามีคู่มันต้องทุกข์ ใช่ไหมค่ะ แต่เวลาที่ทุกข์ไม่ใช่หนีไปซาวน่า หรือไปคุยกับคนอื่น แล้วมาบอกว่าไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก ถามหน่อยแล้วที่ทำอยู่มันถูกต้องแล้วหรือ แต่เพื่อนเกย์ของปอยหลายคนคบกันนานนะ เป็นสิบๆ ปี เพราะเขาเชื่อในความรัก ไม่นอกใจ หรือแอบไปมีคนอื่น ปอยว่าความซื่อสัตย์ และจริงใจต่อกันเป็นสิ่งสำคัญ ถ้ามี 2 สิ่งนี้ เชื่อว่าความรักของคนทั้งสองจะอยู่กันยืด"

 

ปอยกับหนุ่มเอ็ม (หวานใจ)

       
        สวยด้วย เก่งด้วย นี่แหละปอย
       
        ไม่เพียงแต่ความสวยเท่านั้น เธอยังมีหัวธุรกิจที่อยากจะทำวิตามินในสูตรของตัวเอง และวันนี้ฝันของเธอก็เป็นจริงแล้ว
       
        "ปอยคิดโปรเจกต์มา 6 ปี แต่เพิ่งเริ่มทำได้ไม่ถึงเดือน เป็นวิตามินในสูตรของปอยชื่อว่า Furefoo เก็บข้อมูลจากประสบการณ์ตรง ด้วยความเชื่อที่ว่า กว่าจะมาเป็นผู้หญิงเต็มตัวได้ ไม่ใช่แค่เรื่องการแต่งตัว แต่งหน้าทาปาก เสริมเติมแต่งเพียงเท่านั้น แต่จุดเริ่มต้นที่สำคัญคือผิวพรรณและบุคลิคที่ดูดีต่างหาก มันจึงเป็นโจทย์ที่ยากที่สุดสำหรับปอย แต่ปอยเชื่อเสมอมาว่า อะไรที่สามารถทำให้ปอยได้สิ่งเหล่านั้นมา เพื่อที่จะเปลี่ยนตัวเองให้ได้ แม้จะเป็นเ

Credit: http://board.postjung.com/702994.html
#โกอินเตอร์ #ปอย #ตรีชฎา
hanachoi
เจ้าของบทประพันธ์
สมาชิก VIPสมาชิก VIPสมาชิก VIP
1 ก.ย. 56 เวลา 17:17 21,363 4 160
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...