ปราสาทชูริ (Shuri Castle) ปราการแห่งโอกินาวะ

 

 

 

 

 

เรื่องโดย : The 8th Ronin www.marumura.com 

ปราสาทชูริ (Shuri Castle) หรือที่ชาวโอกินาวะ เรียกว่า “Shuri Jo” นั้น เป็นศูนย์กลางการปกครองในสมัยที่อาณาจักรริวกิว* (The Kingdom of Ryukyus) ยังมีอิทธิพลอยู่ในดินแดนแทบนี้ 

 

 

อาณาจักรริวกิวนั้นครอบครองดินแดนหมู่เกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น (ปัจจุบัน) เมื่อประมาณ 450 ปีก่อน หรือราว ค.ศ. 1429 – 1879 โดยสมัยก่อนนั้นมีสงครามกลางเมืองเกิดขึ้นในพื้นที่แถบนี้ และในที่สุด ราวปี 1429 โช ฮาชิ (Sho Hashi) ก็สามารถพิชิตดินแดนส่วนใหญ่ และสร้างบ้านสร้างเมืองให้เป็นปึกแผ่นขึ้นมาจนได้ จึงเกิดเป็นอาณาจักรริวกิวและกำเนิดราชวงศ์โช (Sho Dynasty) ขึ้นมา 

 

 

อาณาจักรริวกิวเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะได้ทำการค้าและสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศข้างเคียง รวมทั้งจีน ญี่ปุ่น (เดิม) เกาหลี และประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนที่ในปี 1609 พวกซัตสึมะ (Satsuma Clan)จากญี่ปุ่นจะนำพลประมาณ 3,000 นาย มารุกรานอาณาจักรริวกิว จนช่วงชิงปราสาทชูริได้ ซึ่งแม้อาณาจักรริวกิวจะยังคงอยู่ต่อไปอีกกว่า 270 ปี แต่ก็อยู่ภายใต้การปกครองของพวก Satsuma และโชกุน Tokugawa กระทั่งปี 1879 ในช่วงMeiji Restoration รัฐบาลญี่ปุ่นก็ประกาศให้ดินแดนแถบนี้เป็น จังหวัดโอกินาวะ (Okinawa Prefecture) ทำให้อาณาจักรริวกิวสูญสลายไปในที่สุด ปราสาทชูริจึงเป็นเสมือนหลักฐานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของโอกินาวะ (และอาณาจักรริวกิว) ที่ญี่ปุ่นอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี 

 


อันที่จริงบริเวณโดยรอบปราสาทชูริทั้งหมด หรือที่เราเรียกว่า Shuri Castle Park นั้นประกอบหมู่อาคารและสิ่งปลูกสร้างที่น่าสนใจหลายสิบจุด ซึ่งได้รับการบูรณะ และดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี โดยพื้นที่ทั้งหมดถูกกำหนดให้หันหน้าไปทางทิศตะวันตก และปราสาทชูริก็เป็นทั้งที่พำนักของราชารวมถึงเป็นที่ว่าการของ Shurijo Royal Government ด้วย และหลังได้รับการประกาศให้เป็นจังหวัดโอกินาวะ ปราสาทชูริจึงถูกใช้เป็นที่บัญชาการทหารของกองทหารญี่ปุ่น และยังเป็นโรงเรียนด้วย น่าเสียดายที่กองทัพสหรัฐฯ ได้เผาทำลายปราสาทชูริเสียเกือบราบคาบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (1945) ทั้งๆ ที่ปราสาทชูริกำลังอยู่ในช่วงบูรณะ (ตั้งแต่ช่วงปี 1930) หลังสงครามที่นี่ก็ถูกใช้เป็นมหาวิทยาลัย (University of the Ryukyus) กระทั่งมีการมหาวิทยาลัยได้ที่ตั้งใหม่ ปราสาทจึงได้รับการปรับปรุงอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน 

และที่ชาวโอกินาวะภาคภูมิใจก็คือปราสาทชูรินั้น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (World Heritage) เมื่อปี 2000 เช่นเดียวกับอีกหลายปราสาทของโอกินาวะ โดยเรียกรวมว่า “Gusuku Sites and Related Properties of the Kingdom of Ryukyu” ประกอบด้วย…

 

 

1.   Shurijo Castle

2.   Sonohyan Utaki Stone Gate

3.   Tamaudun
4.   Shikina-En Gardens
5.   Nakijin Castle
6.   Katsuren Castle 
7.   Zakimi Castle
8.   Nakagusuku Castle และ
9.   Sefa Utaki 

 

ทั้งหมดนี้นับเป็นพื้นที่มรดกโลกลำดับที่ 11 ของประเทศญี่ปุ่น

พื้นที่ส่วนใหญ่ในปราสาทชูริ นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมได้ฟรี แต่ก็มีบางจุด บางพื้นที่ที่ต้องเสียค่าเข้าชม รวม 800 เยน ซึ่งก็ไม่ถือว่าแพงเลย ถ้าจะถูกเรียกเก็บไปเพื่อเป็นค่าบำรุงรักษาสถานที่ แล้วก็มีกติกาบางอย่างที่ผู้มาเยือนควรให้ความเคารพ เพื่อให้การท่องเที่ยวประสารทชูริเป็นไปได้อย่างยั่งยืน อย่างเช่น สำหรับการเข้าตัวประสาทใหญ่จะต้องถอดรองเท้าใส่ถุงพลาสติกที่ทางเจ้าหน้าเตรียมไว้ให้ และคืนถุงเมื่อออกจากตัวปราสาท และมีข้อควรระวังในการมาเที่ยวชมตัวปราสาทชูริด้วย นั่นคือบางจุดไม่ได้รับการอนุญาตให้ถ่ายภาพได้ ทางปราสาทจะมีป้ายเตือนไว้อย่างชัดเจน และมีเจ้าหน้าที่คอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลา นักท่องเที่ยวทั้งหลายก็ควรให้ความเคารพในเรื่องนี้ด้วย

 

 

นอกจากความสวยงาม ศิลปะ และสถาปัตยกรรมที่แปลกตาและมีให้ชมได้ไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นแล้ว ความน่ารัก น่าเที่ยวของปราสาทชูริอีกอย่างหนึ่ง (ซึ่งคนญี่ปุ่นเขามักจะใส่ใจรายละเอียดนี้กับทุกสถานที่อยู่แล้ว) ก็คือพื้นที่สำหรับผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เนื่องจากตัวประสาทมีหลายระดับ การเดินทางด้วยรถเข็น (Wheelchairs) ก็เลยดูเหมือนน่าจะลำบาก แต่สำหรับปราสาทชูริแล้ว เห็นได้ชัดเลยทีเดียวว่าเขาใส่ใจกันสุดๆ เพราะเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลแต่ละจุด จะต้องคอยช่วยเหลือ ผู้ที่ใช้ Wheelchair (รวมทั้งรถเข็นเด็ก) ให้เดินทางผ่านจุดที่ตนรับผิดชอบไปได้อย่างราบรื่น บางจุดจึงมีทางลาด ราวจับ บางจุดถึงกับมีราวเลื่อนอัตโนมัติ แล้วก็ลิฟต์สำหรับผู้พิการโดยเฉพาะ เรื่องนี้ที่นี่.. เด่นมากๆ 

พื้นที่นอกกำแพงปราสาทซึ่งยังคงอยู่ใน Shuri Castle Park ก็ร่มรื่น วิวทิวทัศน์ก็สบายตา จากกำแพงปราสาทสามารถมองเห็นเมืองนาฮาในมุมกว้างได้ด้วย ผู้ที่ชื่นชอบการเที่ยวชมปราสาทเชื่อว่าจะประทับใจกับการมาเยือนปราสาทชูริอย่างแน่นอน 

 

 

และที่ปราสาทชูริก็ยังมีจุดประทับตราที่ระลึกอยู่ทั่วไป ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถหยิบแบบฟอร์มสำหรับเช็คจุดประทับตราต่างๆ ในพื้นที่ Shuri Castle Park ได้จากจุดบริการ นี่เป็นกิจกรรมเพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติมาก ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ จะสนุกกับการตามล่าตราประทับกันทีเดียว แต่ถ้าอยากจะเก็บตราประทับที่ระลึกที่ Shuri Castle Park นี้ให้ครบจริงๆ คงจะต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่มากกว่าครึ่งวันเป็นแน่ เพราะว่าเยอะจริงๆ!

ปราสาทชูริ ตั้งอยู่ที่เมืองนาฮา (Naha City) ซึ่งเป็นเมืองหลักของจังหวัดโอกินาวะ เปิดบริการเกือบทุกวัน (ยกเว้นพุธและพฤหัสแรกของเดือนกรกฏาคม) 

เวลาเปิด-ปิด
   

เม.ย. – มิ.ย.    

ตั้งแต่ 08.30 – 19.00 น.

ก.ค. – ก.ย.   

ตั้งแต่ 08.30 – 20.00 น.

ต.ค. – พ.ย.   

ตั้งแต่ 08.30 – 19.00 น.

ธ.ค. – มี.ค.   

ตั้งแต่ 08.30 – 18.00 น.



ค่าเข้าชม 
   

ผู้ใหญ่       

800 เยน

เด็กโต      

600 เยน (High School)

เด็กเล็ก      

300 เยน (ประถมและ Junior High)

เด็กต่ำกว่า 6 ปี   

ฟรี   

 

 

 

การเดินทาง

สามารถนั่ง Monorail มาลงที่สถานี Shuri Station และนั่งรถบัสสาย 8 ไปลงที่ป้าย Shurijo-mae ได้เลย

 

 

ถ้าไปเยือนโอกินาวะ.. ปราสาทชูริ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวควรไปเยือนเป็นอย่างยิ่ง เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่กล่าวได้ว่า หากมาโอกินาวะแล้ว ไม่ได้ไปเยือน ถือว่า.. มาไม่ถึง

*โอกินาวะ (Okinawa) เดิม เป็นส่วนหนึ่งดินแดนที่ถูกเรียกว่า “อาณาจักรริวกิว” 

Credit: http://board.postjung.com/703040.html
#ปราสาทชูริ #Shuri #Castle
hanachoi
เจ้าของบทประพันธ์
สมาชิก VIPสมาชิก VIPสมาชิก VIP
1 ก.ย. 56 เวลา 16:59 1,034 90
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...