สกอตแลนด์ยาร์ด เผยการสิ้นพระชนม์ของ เจ้าหญิงไดอาน่า แห่งเวลส์ อาจเป็นการฆาตกรรมอำพรางจากหน่วยรบพิเศษของกองทัพอากาศ ตามคำสั่งเบื้องสูง
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2556 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ มีรายงานว่า สำนักงานตำรวจนครหลวงของอังกฤษ หรือ สกอตแลนด์ ยาร์ด เผยล่าสุดว่า การสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่าแห่งเวลส์ อาจเป็นการฆาตกรรมอำพรางจากหน่วยงานสเปเชียลแอร์เซอร์วิส (SAS) หรือหน่วยรบพิเศษของกองทัพอากาศ โดยจากการรวบรวมหลักฐานพยานตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า อุบัติเหตุอันน่าเศร้าในครั้งนั้นจริง ๆ แล้วเกิดขึ้นจากฝีมือของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วย SAS หรือไม่ก็ MI6
โดยจากการสืบสวนเรื่องราว ในที่สุดสกอตแลนด์ ยาร์ด ก็ได้รับข้อมูลสำคัญจากพลแม่นปีนรายหนึ่งจาก SAS ซึ่งใช้ชื่อว่า สไปเดอร์ เอ็น ที่เผยว่าเพื่อนร่วมหน่วยของเขามีส่วนเกี่ยวข้องการการลอบปลงพระชนม์เจ้า หญิงไดอาน่า และนายโดดี อัล ฟาเยด ลูกชายของมหาเศรษฐี โมฮัมหมัด อัล ฟาเยด แฟนหนุ่มของเธอ
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่่ผ่านมา การสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่า ถูกโทษว่าเป็นผลจากการขับรถโดยประมาทของคนขับรถที่ดื่มจนเมามาย และเป็นความผิดของปาปารัสซี่ที่ไล่ตามพระองค์ ทว่าแท้ที่จริงแล้ว สกอตแลนด์ ยาร์ด คาดว่าความจริงที่อยู่เบื้องหลังเหตุในครั้งนั้น น่าจะเป็นคำสั่งจากราชวงศ์ของอังกฤษที่ต้องการกำจัดเจ้าหญิงไดอาน่าและคู่ รักของพระองค์ หลังมีข้อมูลที่แน่ชัดระบุว่า เจ้าหญิงไดอาน่าทรงตั้งครรภ์กับนายโดดี และทั้งคู่กำลังวางแผนที่จะใช้ชีวิตสมรสร่วมกัน ในบ้านที่นายโดดีซื้อไว้ที่มาลิบู แคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า ระหว่างที่ทั้งคู่อยู่ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส นายโดดีได้จัดเตรียมแหวนหมั้นเพื่อขอแต่งงานกับเจ้าหญิงไดอาน่า อีกทั้งจากรูปภาพของเจ้าหญิงไดอาน่าในชุดว่ายน้ำเมื่อ 14 วันก่อนเกิดเหตุ ก็แสดงให้เห็นถึงรอบเอวที่หนาขึ้นของพระองค์ แถมยังมีจดหมายที่ถูกเปิดเผยหลังการสิ้นพระชนม์ด้วยว่าพระองค์ได้ไปตรวจ ครรภ์ในโรงพยาบาลที่ลอนดอนอย่างลับ ๆ
ขณะที่พ่อของนายโดดี ยืนยันว่าเจ้าหญิงไดอาน่าทรงตั้งครรภ์กับลูกชายของเขา และพวกเขาก็เตรียมที่จะบอกกับเจ้าชายน้อยทั้ง 2 เกี่ยวกับการแต่งงานของพวกเขาเมื่อเจ้าหญิงไดอาน่าจะกลับไปอังกฤษในวันที่ 1 กันยายน 1997 ถัดจากวันที่เกิดเหตุเพียง 1 วัน หลังจากที่เจ้าชายทั้ง 2 พระองค์กลับมาจากโรงเรียนประจำ โดยเจ้าหญิงไดอาน่าวางแผนว่าจะพาเจ้าชายน้อยทั้ง 2 พระองค์ไปกับพระองค์ด้วย
ขณะเดียวกัน สกอตแลนด์ ยาร์ด ยังได้ข้อมูลจากพยานผู้ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด 14 ราย ซึ่งให้ปากคำพ้องกันว่า รถยนต์ของเจ้าหญิงไดอาน่าถูกไล่ตามโดยรถมอเตอร์ไซค์สีดำ และรถยนต์สีขาวกับสีดำ โดยระหว่างที่รถของเจ้าหญิงไดอาน่าขับเข้าไปภายในอุโมงค์ รถยนต์สีดำก็เร่งเครื่องเข้ามาทางด้านหลังรถของพระองค์ ทำให้คนขับรถเข้าใจผิดว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถของปาปารัสซี่ จึงได้เร่งเครื่องหนี ทว่าทันใดนั้นเอง รถยนต์คันสีขาวก็ปาดเข้าไปด้านข้างรถของเจ้าหญิงไดอาน่า บีบให้รถของพระองค์วิ่งได้ในช่องทางเดียว เปิดโอกาสให้รถมอเตอร์ไซค์ขับแซงขึ้นไปด้านหน้า ก่อนที่ผู้ที่ซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นจะยิงปืนมาทางรถของพระองค์ ก่อให้เกิดแสงไฟสีขาวสว่างวาบ จนคนขับมองอะไรไปชั่วขณะ จนทำให้รถชนเข้ากับเสาในที่สุด
และพยานยังเผยว่า จากนั้นผู้ที่ยิงปืนก็ลงจากรถเข้ามาชะโงกหน้ามองเข้าไปภายในรถของเจ้าหญิงได อาน่า ก่อนจะหันมาทำสัญลักษณ์มือว่า ภารกิจเสร็จสิ้น ให้กับคนขับรถมอเตอร์ไซค์ จากนั้นพวกเขาก็หลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งสัญลักษณ์มือเช่นนั้นเป็นที่ใช้กันในหมู่ทหาร
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เจ้าหน้าที่หลายฝ่าย พยาน และผู้ที่ใกล้ชิดกับเจ้าหญิงไดอาน่าต่างมั่นใจว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการ ฆาตกรรมอำพราง แต่แล้วความผิดทั้งหลายก็ถูกโยนให้แก่แพะอย่างปาปารัสซี่ และคนขับรถคันนั้น แม้ว่าในภายหลังปาปารัสซี่จะไม่ถูกตัดสินว่ามีความผิด เพราะมีหลักฐานในคดีไม่เพียงพอก็ตาม
นอกจากนี้ ยังเป็นที่แน่ชัดว่า ในการสืบสวนและการให้ปากคำในศาล พวกเขาไม่ได้เรียกพยานปากสำคัญกว่า 170 คนขึ้นไปให้ปากคำในชั้นศาลด้วย รวมทั้งนายแพทย์ที่เคยตรวจครรภ์ให้เจ้าหญิงไดอาน่า และรังสีแพทย์ที่เผยว่าได้มีตัวอ่อนอายุ 6-10 สัปดาห์ภายในครรภ์ของพระองค์