เมื่อ เวลา 07.00 น. วันที่ 29 ส.ค. ร.ต.ท.เปล่ง พานแก้ว ร้อยเวร สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งพบศพหญิงสาวในคูน้ำริมทางรถไฟ หลังวัดดุสิต หมู่ 5 ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัยยะ เพชรปัญญา ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา นำกำลังรุดไปที่เกิดเหตุพบศพหญิงไทยไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 18-25 ปี สูงประมาณ 150-160 ซ.ม. นอนคว่ำหน้าอยู่ในคูน้ำ สวมชุดแส็กยาวแค่หัวเข่า ลายจุด สีม่วง ถลกขึ้นมาถึงเอว ไม่สวมใส่กางเกงใน สวมเสื้อชั้นในสีม่วง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว 4-6 ช.ม.
จากการชันสูตรพลิกศพในเบื้องต้น พบที่บริเวณลำคอมีร่องรอยเขียวช้ำเหมือนถูกบีบ ที่นิ้วนางเท้ายาวไม่เท่ากันทั้งสองข้าง สวมใส่สร้อยคอคล้ายทอง 1 เส้น ขาดติดอยู่ที่บริเวณลำคอ ที่ข้อมือข้างขวาสวมใส่สายสิญจน์ ข้อมือซ้ายสวมสร้อยข้อมือนาค ที่บริเวณริมตลิ่งพบใกล้กับจุดที่พบศพ พบสร้อยคอมือลูกปัดตกอยู่ และสอบถามชาวบ้านในบริเวณที่เกิดเหตุแล้วไม่เคยมีใครรู้จัก หรือพบเห็นผู้ตายมาก่อน
พ.ต.อ.ชัยยะกล่าวว่า สันนิษฐานว่าผู้ตายน่าจะถูกลวงมาจากที่อื่น แล้วถูกฆ่าด้วยการบีบคอจนเสียชีวิต ก่อนนำศพมาทิ้งในที่เกิดเหตุ หรืออาจจะถูกบีบคอกดน้ำ สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งสืบสวนว่าผู้ตายเป็นใคร จึงอยากฝากประชาสัมพันธ์ว่าใครที่มีญาติสูญหายไป ให้มาติดต่อได้ที่สภ.พระนครศรีอยุธยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา ศูนย์วิทยุ 191 จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีหญิงสาวถูกลักพาตัวมาจาก จ.เชียงใหม่ นำมาทิ้งไว้ที่ถนนสายเอเชีย แต่เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบกลับไม่พบตามที่แจ้ง และล่าสุดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของสถานีรถไฟอยุธยา มีพยานเป็นคนขับรถตุ๊กตุ๊ก และแม่ค้าบนสถานีรถไฟ ให้การตรงกันพบเห็นผู้เสียชีวิตเดินวนเวียนอยู่บนสถานีรถไฟ ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 28 ส.ค. และจะเดินทางไป จ.อุดรธานี พอช่วงค่ำก็เห็นนั่งพูดคุยกับชายวัยรุ่น 3-4 คน ที่บริเวณที่พักผู้โดยสาร หลังจากนั้นผู้ตายเดินออกมาจากสถานีรถไฟ ก็มีผู้ชายคนดังกล่าวเดินตามไป หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นหญิงสาวอีกเลย จนกระทั่งมาพบถูกฆ่าอยู่ริมทางรถไฟ