คุณจะหัวเราะเยาะก็ได้นะ
คุณจะหัวเราะเยาะก็ได้นะครับ และคุณจะโจมตีทุกๆคนที่มีความคิดไม่เหมือนกับคุณก็ได้
ถ้าคุณคิดว่าพวกเขาเป็นผู้แพ้ และ เป็นคนที่มีความคิดประหลาด
แต่คุณก็อาจจะต้องแปลกใจ เมื่อ “การเปิดเผยตัว” (Disclosure) อย่างที่ว่านั้นมันได้เกิดขึ้นจริงๆ
จริงๆแล้ว “คนวงใน” ทั้งหลาย ที่เป็นผู้เก็บซ่อนความลับเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ มานานกว่า 60 ปีแล้วนั้น
ก็กำลังพึ่งพาอาศัย “คนขี้สงสัย” และ “คนที่ชอบออกมาแสดงให้เห็นว่าความคิดหรือความเชื่อของคนอื่นนั้นผิด”
รวมถึง “พวกเคร่งศาสนา” ทั้งหลายเหล่านี้แหละ เพื่อกุมความลับเอาไว้ต่อไป เพราะว่ากลุ่มคนดังกล่าวนี้
จะเกิดอาการรับไม่ได้และอยู่ไม่ติด และจะทำให้สังคมขาดความมั่นคง เมื่อในท้ายที่สุด
พวกเขาก็ถูกบอกเล่าความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมคาดหมายอย่างสูงว่า มันจะต้องเกิดขึ้นจริงๆ
ดังนั้น แทนที่จะเชื่ออย่างหมดใจว่า คุณจะไม่มีวันได้เห็นหลักฐานที่เป็นของจริง
ที่สามารถพิสูจน์ถึงการมีอยู่จริงของ UFO หรือแม้แต่เชื่อว่า คุณจะไม่มีวันได้เห็น UFO ของจริงด้วยตาตัวเองอย่างแน่นอน
เพียงเพราะว่าคุณเชื่ออย่างสนิทใจซะแล้วว่า มันไม่มีอยู่จริง
ผมขอให้คุณลองทำแบบฝึกหัดประเทืองปัญญานี้ดูหน่อยเป็นไง ที่อย่างน้อย ก็ขอให้เปิดโอกาสให้ ตัวคุณเอง
ได้ถามคำถามกับตัวเองว่า “ถ้าสมมุติว่า…แล้วจะเป็นยังไง” เท่านั้นเอง แค่ลองดูเท่านั้นเองครับ
เพราะว่า ในฐานะที่คุณเป็นคนขี้สงสัยที่มีสติปัญญาฉลาดเฉียบแหลมอย่างมาก (Highly Intelligent Skeptic)
คุณก็จะต้องพยายามพิจารณาถึงความเป็นไปได้ทุกๆอย่างที่เกี่ยวข้องก่อน
แทนที่จะรีบด่วนสรุปตามความคิดเห็นของตนเองว่า “ฉันจะต้องถูกเท่านั้น”
- ถ้าสมมุติว่า รัฐบาลได้บอกกับคุณจริงๆ ก่อนหน้านี้ว่า เรื่อง UFO เป็นเรื่องจริง คุณจะทำอย่างไร ?
- ถ้าสมมุติว่า ทั่วทั้งจักรวาล รอบๆดาวเคราะห์โลกของเรานี้ มีรูปธรรมชีวิตทรงภูมิปัญญามากมาย
อาศัยอยู่เต็มไปหมดจริงๆหละ คุณจะทำอย่างไร ?
- ถ้าสมมุติว่า มีมนุษย์เหมือนกับพวกเรานี้แหละ กำลังวิวัฒน์อยู่บนดาวดวงอื่น
ที่อยู่รอบๆดาวเคราะห์โลกของเราจริงๆหละ คุณจะทำอย่างไร ?
ถ้าสมมุติว่า เทคโนโลยีต่างๆของพวกเขา ได้พัฒนาล้ำหน้าสูงกว่าของพวกเราอย่างมากมายจริงๆ
และกฎทางฟิสิกส์ทั้งหลายแหล่ ที่พวกเราพากันภูมิใจเป็นนักเป็นหนานั้น จำเป็นต้องถูกเขียนใหม่ทั้งหมดจริงๆหละ
คุณจะทำอย่างไร ?- ถ้าสมมุติว่า เทคโนโลยีต่างๆของพวกเราเอง ก็เคยได้รับการสนับสนุนอย่างมากมาย
จากรูปธรรมชีวิตทรงภูมิปัญญาจากต่างพิภพเหล่านี้จริงๆหละ คุณจะทำอย่างไร ?- ถ้าสมมุติว่า เรื่องเกี่ยวกับการมีตัวตนอยู่จริง ของรูปธรรมชีวิตทรงภูมิปัญญาจากต่างพิภพเหล่านี้
ถูกเก็บไว้เป็นความลับสุดยอดจริงๆหละ เพียงเพราะว่ามันอาจจะทำให้ระบบเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาน้ำมัน
มีอันต้องสาบสูญไป เพราะฉะนั้น มันจึงต้องถูกเก็บไว้เป็นความลับอย่างมิดชิด ด้วยความระมัดระวัง
โดยผู้มีอำนาจ มานานกว่า 60 ปีแล้ว แต่ตอนนี้ ความพยายามที่จะเก็บรักษาความลับนี้ไว้ต่อไป
กำลังจะล้มเหลว คุณจะทำอย่างไร ?
ผมหมายถึง ลองคิดดูนะครับว่า หลังจากที่ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่อง UFO มานานหลายปีแล้ว,
หลังจากที่ได้มีภาพยนตร์มากมาย, มีสารคดีมากมาย, มีหนังสือมากมาย, มีรายการทีวี และอะไรทำนองนี้มากมาย,
หลังจากที่ได้มีหลักฐานข้อพิสูจน์ต่างๆมากมาย ที่คุณก็ได้รู้ได้เห็นมาตลอดชีวิตของคุณแล้ว
คุณเชื่อจริงๆหรือว่า ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ มันเป็นเรื่องที่โง่เง่าและโกหกหลอกลวงโดยสิ้นเชิง
คุณเชื่อมั่นอย่างสนิทใจจริงๆหรือว่า ทุกๆเหตุการณ์การพบเห็น UFO ที่ถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาตินั้น
ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง
และคุณเชื่อมั่นอย่างสนิทใจจริงๆหรือว่า พยานบุคคลที่ออกมาเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ทุกๆคน
ล้วนแล้วแต่กุเรื่องนี้ขึ้นมาเองทั้งสิ้น โดยพวกเขายอมแลกกับการสูญเสียตำแหน่งหน้าที่การงานของตัวเอง,
แลกกับความยากจน, แลกกับการถูกเยาะเย้ยถากถาง
แม้ว่าคุณอาจจะเคยได้ยินเรื่องโกหกแบบเดิมๆที่น่าเบื่ออยู่บ่อยๆว่า ที่พวกเขาทำไปแบบนั้นเพราะ
“จะได้ขายเรื่องของตัวเองได้ และก็จะได้ร่ำรวยขึ้นมาเพราะมัน”
(ผมรู้จักเป็นการส่วนตัวกับพยานผู้พบเห็น UFO เหล่านี้หลายคน มีน้อยคนนัก ถ้าหากว่ามีหนะนะครับ
ที่โชคดีจริงๆ ที่มีหน้าที่การงานอยู่ในระดับที่เหนือกว่าคนธรรมดาสามัญ)
ผมพูดจริงๆนะครับ เพราะนี่เป็นชีวิตของคุณเอง คุณจะทำยังไงกับมันก็ได้ แต่คุณมั่นใจ 100% หรือเปล่าว่า
สิ่งที่คุณคิดมันถูกต้องแล้ว?
มันจะเป็นยังไงถ้าสิ่งที่คุณคิดมันไม่ถูกต้อง?
แล้วคุณจะติดค้างคำขอโทษอย่างจริงใจที่สุดต่อใครบ้าง?
จากหลักฐานต่างๆที่ปฏิเสธไม่ได้และมีอยู่มากมายก่ายกองนั้น ใครหละคือคนที่ซื่อบื้อตัวจริง?
เป็นคุณ ในฐานะคนขี้สงสัยที่มีสติปัญญาฉลาดเฉียบแหลมอย่างมาก หรือว่าเป็นคนทุกๆคน
ที่คุณดูถูกอย่างหยิ่งผยองว่าเป็นคนโง่เง่าไร้สมอง ที่กำลังมองดูหลักฐานต่างๆที่น่าสนใจเหล่านี้
แล้วสรุปว่ามันอาจจะเป็นความจริงก็ได้
คุณอาจจะไม่ต้องคอยนานจนเกินไปนักหรอก เพื่อให้ได้คำตอบเหล่านี้มา เพราะว่าพวกเรากำลังอยู่ตรงทางเข้า
ของสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นจริงๆแล้ว ซึ่งมันจะเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
หรืออาจจะพูดได้อีกอย่างว่า ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ที่เกิดมาบนดาวเคราะห์โลกใบนี้ก็ได้ (Earth-born human history)
จากการสำรวจหลักฐานที่น่าพิศวงต่างๆมากมายหลากหลาย เช่น วีดีโอ เป็นต้น พบว่ากลุ่ม “คนวงใน”บางคน
กำลังถูกผลักดันให้ออกมาเปิดเผยเรื่องของ UFO / รูปธรรมชีวิตต่างพิภพโดยเร็ว
เกลียวหมุนวนบนท้องฟ้าประเทศนอร์เวย์ ก็เป็นความพยายามครั้งล่าสุดอันหนึ่ง เพื่อ “บีบบังคับ”
ให้มีการดำเนินการในเรื่องนี้ หลังจากที่สหรัฐอเมริกา ประสบความล้มเหลวในการออกมาประกาศ
เพื่อการเปิดเผยตัวอย่างเป็นทางการของรูปธรรมชีวิตต่างมิติทั้งหลาย เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2009 ที่ผ่านมา
TIME TO "PUT UP OR SHUT UP"
ถึงเวลาที่จะต้องเลือกว่าจะ “ป่าวประกาศ” หรือจะ “ปิดปาก”
แล้วทำไมต้องนำปิรามิดไปลอยไว้เหนือจัตุรัสแดงด้วย ยังกับว่ารูปธรรมชีวิตต่างมิติทั้งหลาย
พร้อมแล้วที่จะสร้างให้รัซเซียเสมอเหมือนกับ “การลงจอดบนพื้นสนามหญ้าหน้าทำเนียบขาว”
(Landing on the White House Lawn) อันเลื่องลือ ดังนั้น พวกเขาจึงทำให้สหรัฐอเมริการู้ตัวว่า
ตนเองไม่ได้มีความสำคัญในฐานะผู้นำอันดับหนึ่งของโลกอีกต่อไปแล้ว
และอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะชอบเขา (โอบาม่า - chayutt) หรือไม่ก็ตาม ก็ขอให้ลองค่อยๆพิจารณาความจริงที่ว่า
มันมี “คลิปวีดีโอเกี่ยวกับ UFO ที่สุดยอดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา” อยู่ 2 คลิป ปรากฏขึ้นเพียง 1 วันก่อนหน้าที่
ประธานาธิปดีบารัก โอบาม่า จะเข้าไปรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ที่ประเทศนอร์เวย์
ซึ่งนั่นมันอาจมีความหมายเป็นนัยว่า ประธานาธิปดีโอบาม่า ได้รับมอบหนังสือรับรองอย่างเหมาะสม
จากเพื่อนบ้านชาวต่างพิภพทั้งหลายของเรา เพื่อให้เขาเป็นตัวแทนของชาวโลกแล้ว
คุณอาจจะตระหนักได้อีกว่า ปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันทั้ง 2 ปรากฏการณ์นี้
ได้เกิดขึ้นหลังวันที่ที่เคยถูกกำหนดไว้ให้เป็นวันแห่ง “การเปิดเผยตัว” 12 วัน ซึ่งในกำหนดการเดิมนั้น
คณะบริหารของโอบาม่าจะเป็นผู้ออกมาเปิดเผยเอง แต่วันที่ดังกล่าวนั้น ได้ถูกเลื่อนออกไปเรียบร้อยแล้ว
ดร.พีท ปิเตอร์สัน (Dr.Pete Peterson) คนวงในที่เชื่อถือได้จริงๆคนหนึ่ง ได้รับข้อมูลที่ตรงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้
จากแหล่งข่าวระดับสูง 3 แหล่ง ทั้งจากคนในคณะรัฐบาล และคนในวงการสื่อสารมวลชน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2009 ว่า
“การเปิดเผยตัว” กำลังจะมีขึ้นจริงๆ
วันที่ที่เคยถูกกำหนดไว้ในตอนนั้นคือ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2009 และถูกกำหนดไว้ว่า ทางทำเนียบขาว
โดยประธานาธิปดีโอบาม่า จะเป็นผู้ประกาศด้วยตัวเอง ในรายการโทรทัศน์ที่มีความยาว 2 ชั่วโมง
และมีการออกอากาศไปทั่วโลก
ดร.ปิเตอร์สัน เคยได้ดูกำหนดการจริงของรายการโทรทัศน์นั้น ซึ่งได้ถูกจองเวลาเอาไว้จริงมาแล้ว
และเขาก็กล่าวว่า ที่ผ่านๆมา ข้อมูลอะไรก็ตาม ที่เขาได้รับฟังมาจากแหล่งข่าวระดับสูงทั้ง 3 แหล่งนี้ มันก็มักจะเกิดขึ้นจริงเสมอ
ในเชิงกลยุทธ์แล้ว มันก็มีความสมเหตุสมผลอยู่ ที่ควรจะทำการเปิดเผยตัวในวันที่ 27 พฤศจิกายน ดังกล่าว
เพราะมันเป็นวันหลังจากวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ซึ่งชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะอยู่บ้านกับครอบครัว
เพราะฉะนั้น นี่จึงน่าจะเป็นโอกาสที่เหมาะสมที่สุด ที่พวกเขาจะสามารถซึมซับผลกระทบของประกาศข่าวที่น่าตกตะลึง
และสามารถเปลี่ยนแปลงโลกแบบนี้ได้
บิลและเคอรรี่ (Bill and Kerry) จากโครงการ Camelot ผู้ซึ่งเคยได้ฟังข้อมูลนี้พร้อมๆกับผม
และทั้งคู่ก็พลั้งปากเปิดเผยวันที่ที่จะมีการเปิดเผยตัวออกไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ผมยังคงเก็บมันไว้เป็นความลับได้อยู่
จนกระทั่งวันที่นั้นได้ผ่านไปแล้ว ผมจึงนำมันมาเปิดเผย
ผมค่อนข้างมั่นใจว่า เพราะการเปิดเผยความลับของวันที่ๆถูกกำหนดไว้นั้นแหละ ทำให้การเปิดเผยตัวดังกล่าวนั้น
ต้องถูกเลื่อนออกไปเป็นวันอื่นแทน
แต่ที่แน่ๆคือ ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิดขึ้น
ช่วงระยะเวลาประมาณ 12 วันหลังจากวันที่ถูกกำหนดไว้ดังกล่าว ประธานาธิปดีโอบาม่า
อาจจะกำลังถูกเตือนอย่างชัดเจนอยู่ก็ได้ว่า บางทีการเตือนในรูปแบบที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดนี้
อาจจะเป็นการบอกว่าให้รีบทำอะไรซักอย่างในขณะที่ยังมีโอกาสอยู่ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว
ข้อความนั้นเตือนว่ายังไงหนะหรือ?
“ถ้าคุณไม่ยอมประกาศมันออกมาอย่างเป็นทางการซะที เราก็จะทำให้คุณเอง”