โคลอสเซียม สังเวียนเดือด นักสู้โรมันผู้ยิ่งใหญ่!

 

 

 

 

 

 คงเคยชมภาพยนตร์เรื่อง เกลดิเอเตอร์ (Gladiator ปี 2000) กันมาแล้ว นอกจากจะได้ชมฉากต่อสู้สุดโหดระหว่าง มนุษย์ กับ สัตว์ป่าดุร้าย หรือระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง ทำให้หลายๆ คน รู้สึกถึงความโหดของผู้คนชาวโรมันในสมัยนั้น แม้จะมองในอีกมุมหนึ่งถึงการแสดงความกล้าของมนุษย์ก็ตามที แต่สำหรับโลกเสรีในปัจจุบันก็ถือว่า โหด ดิบ ป่าเถื่อน ไม่ใช่เล่นๆ เลยทีเดียว นอกจากฉากต่อสู้ที่ว่า ผู้ชมเองคงต้องทึ่งกับฉากสนามประลองการต่อสู้อย่าง โคลอสเซียม แน่นอน ไม่น่าเชื่อว่าผู้คนในสมัยนั้นจะสร้างสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ได้!

สำหรับ โคลอสเซียม (Colosseum) คือ โครงสร้างวงกลมรี มี 4 ชั้น แยกเป็นสองส่วน ส่วนบนประกอบด้วย ระเบียงเปิด 3 ชั้น สร้างด้วยหินปูน และชั้นที่ 4 สร้างเป็นห้องพร้อมด้วยออกแบบหน้าต่างเว้นระยะสองห้องต่อหนึ่งช่อง เส้นผ่านศูนย์กลางจากด้านตะวันออกถึงตะวันตก 188 เมตร จากทิศเหนือจดทิศใต้ 156 เมตร วัสดุสำคัญในการก่อสร้าง ประกอบด้วย เสาหลักสร้างด้วยหินปูนแกร่ง ขณะที่เสาทั่วไปสร้างด้วยหินปูนชนิดพรุนและอิฐ พื้นและกำแพงสร้างด้วยกระเบื้อง และเพดานทรงโค้งภายในอาคารสร้างด้วยซีเมนต์ จากการใช้วัสดุผสมในงานก่อสร้างดังกล่าว ทำให้ โคลอสเซียม มีความทนทานสูง นอกจากจะเป็นสถาปัตยกรรมมหึมาอายุกว่า 1,900 ปี แล้ว ยังทำให้นักประวัติศาสตร์ต้องอึ่งในความสามารถในผู้คนสมัยนั้นอีกอย่าง คือ ใช้เวลาก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 10 ปี ด้วยความสามารถและเครื่องมือในสมัยนั้น ไม่น่าจะสร้างสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่และจุผู้คนระดับ 5 หมื่นคนขึ้นไป ได้เร็วเพียงนี้!

 

สร้างกำนัลไพร่ฟ้า

นักประวัติศาสตร์บันทึกประวัติที่มาจาก โคลอสเซียม ไว้ว่า ก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ. 72 ในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียน (Vespasian) กษัตริย์ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ฟลาเวียน (Flavian) สถานที่ก่อสร้างเป็นบริเวณที่ลุ่มระหว่าง 4 เนินเขา ประกอบด้วย ปาลาไทน์ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เวเลีย ทางทิศตะวันตก เชลิโอ ทางทิศตะวันออก และคอล ออพพิโอ หรือเอสควิไลน์ (ปัจจุบันเป็นสวนสาธารณะ) ทางทิศเหนือ

เดิมทีพื้นที่แห่งนี้ เป็นที่ตั้งของพระราชวังของจักรพรรดิเนโร (Nero) ซึ่งพระองค์ทรงยึดมาจากที่ดินของประชาชน จนกระทั้งจักพรรดิเนโร ได้สิ้นพระชนม์เมื่อปี ค.ศ. 68 ก่อเกิดการชิงพระราชบัลลังก์อยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งจักรพรรดิเวสปาเซียน ทรงได้รับชัยชนะ และขึ้นครองราชย์ พระองค์มีความประสงค์จะเรียกความนิยมจากชาวโรมัน จึงสั่งรื้อพระราชวังเดิมของจักรพรรดิเนโรออก แล้วสร้างเป็นสนามกีฬา เพื่อใช้เป็นศูนย์รวมการแสดง และการแข่งขันกีฬาในยุคนั้น

แต่แล้วการก่อสร้าง โคลอสเซียม ก็ไม่ทันเสร็จในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียน พระองค์สิ้นพระชนม์ไปก่อน จึงตกเป็นหน้าที่สานต่อของพระจักรพรรดิติตุส พระโอรส ในเวลาต่อมาพระองค์ก็มาสิ้นพระชนม์ไปอีก งานก่อสร้างจึงสมบูรณ์แล้วเสร็จ ในสมัยพระจักรพรรดิโดมิเทียน พระอนุชา กินเวลาก่อสร้างเป็นเวลา 10 ปี

สำหรับที่มาของคำว่า ” โคลอสเซียม ” นักประวัติศาสตร์ยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่ยอมรับร่วมกันได้ ทฤษฏีที่คาดกันว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุด คือ เรียกตามชื่อรูปปั้นทองแดงขนาดใหญ่ “โคลอสซุส” (Colossus) ของจักรพรรดิเนโร ที่ตั้งอยู่ใกล้บริเวณเดียวกัน นั่นเอง

 

อลังการ! ความจุกว่า 5 หมื่น

ภายในสนามเป็นอัฒจันทร์ที่นั่ง สร้างด้วยหินปูนแกร่ง มีระดับความลาดเอียง 37 องศา มีช่องทางเข้าเป็นสัดส่วนจากภายนอก แต่ละชั้นสูง 4.85 เมตร อัฒจันทร์แถวล่างสุดสูงจากพื้นสนาม 3.60 เมตร บริเวณพื้นสนามมีโพเดี้ยมสร้างด้วยหินอ่อนโดยรอบ ใต้พื้นสนามสร้างเป็นห้องต่างๆ ประกอบด้วย ห้องนักสู้ “เกลดิเอเตอร์” กรงขังสัตว์ที่จะนำมาต่อสู้กับเกลดิเอเตอร์ ห้องเก็บอุปกรณ์เครื่องมือการต่อสู้ของเกลดิเอเตอร์ ห้องเก็บวัสดุก่อสร้างบางส่วน และห้องเก็บ “ลิฟต์” หรือเครื่องยกกรงสัตว์ นอกจากนี้ส่วนหนึ่งของพื้นสนามสามารถเลื่อนออกได้ ใช้เป็นประตูยกกรงสัตว์ขึ้นสู่สนาม

อัฒจันทร์แต่ละชั้นกำหนดไว้สำหรับผู้ชมแต่ละชนชั้น ขณะที่ประตูบางส่วนจำกัดไว้เฉพาะผู้เข้าชมบางชนชั้นเช่นกัน สนามมหัศจรรย์ยุคโบราณของชาวโรมันแห่งนี้ มีความจุประมาณ 50,000-75,000 ที่นั่ง

 

สังเวียนเดิมพันชีวิต!

โคลอสเซียม เปิดใช้งานครั้งแรกในปี ค.ศ. 80 สมัยจักรพรรดิติตุส ซึ่งในปีดังกล่าวสนามยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ เพื่อเปิดสนามแข่งขันกีฬาต่างๆ ทั้งเกลดิเอเตอร์สู้กันเอง โดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน หรือสู้กับสัตว์ป่า อาทิ สิงโต เสือ และช้าง เป็นต้น โดยมีชีวิตเป็นเดิมพันเช่นกัน และบางทีอาจจะมีแสดงการต่อสู้ระหว่างสัตว์ป่าด้วยกันเอง เช่น เสือสู้กับสิงโต กระทิงสู้กับหมี ฯลฯ เรียกว่าสมัยนั้นมีอะไรที่ต่อสู้กันได้ ไม่พ้นถูกจับให้มาประลองยังที่ โคลอสเซียม อย่างแน่นอน

 

แต่อย่างไรก็ตามเกมต่อสู้ระหว่าง เกลดิเอเตอร์ ยังคงเป็นกีฬายอดฮิตที่สุดของผู้ชมชาวโรมันในสมัยนั้น จากหลักฐานบ่งบอกได้ว่า การต่อสู้ประเภทนี้มีมาก่อนการสร้างโคลอสเซียมเสียอีก แต่ในสมัยต่อมาจึงการพัฒนากฏ กติกา ต่างๆ แปลกใหม่ขึ้นมา เพื่อเพิ่มความเร้าใจให้กับคนดูนั่นเอง

ส่วน เกลดิเอเตอร์ ส่วนใหญ่จะเป็นทาส และเชลยสงครามโทษประหารชีวิต จักรพรรดิจะนำมาต่อสู้กันเอง เพื่อความสนุกสนาน โดยบางเกมมีเกลดิเอเตอร์คนหนึ่งถืออาวุธ ไปต่อสู้กับอีกคนที่ไม่มีอาวุธ และหลายเกมที่จบลง ฝ่ายที่พ่ายแพ้จะถูกคู่ต่อสู้สังหารทิ้ง จากนั้นฝ่ายผู้ชนะก็จะต้องไปต่อสู้กับเกลดิเอเตอร์คนต่อไป สู้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าไม่เหลือคู่ต่อสู้อีก จึงจะได้ชื่อว่า นักสู้ยอดฝีมือเพียงคนเดียว และอาจจะได้อิสรภาพกลับมาอีกครั้ง.. ในเวลาต่อมาจึงมีการเปลี่ยนเกมกติกาใหม่ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เพื่อความสนุกเร้าใจมากกว่าเดิม เมื่อพระจักรพรรดิ ทรงอนุญาติให้คนธรรมดา หรือทาส ที่อยากได้ยศบรรดาศักดิ์และอิสภาพในสังคม ได้ประลองต่อสู้กับทหารยอดฝีมือ พวกบรรดานายทาสทั้งหลายที่หวังในผลการพนัน จึงมีการส่งทาสในสังกัดของตนไปฝึกวิชาการต่อสู้ให้เชียวชาญ ก่อนเข้าสู่สังเวียนประลอง

นักประวัติศาสตร์ระบุว่า กษัตริย์ติตุส เคยจัดงานเทศกาลการแข่งขัน เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับประชาชนติดต่อกัน 100 วัน สัตว์ป่าถูกฆ่าตายไปถึง 9 หมื่นตัว!!! นอกจากนี้ เกมการต่อสู้ระหว่างเกลดิเอเตอร์เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นใน ค.ศ. 404 ส่วนเกมล่าสัตว์ และต่อสู้กับสัตว์ เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ. 523  สันนิษฐานสาเหตุของการสิ้นสุดการแข่งขัน เนื่องมาจากการเกิดแผ่นดินไหว ทำให้ โคลอสเซียม ได้รับความเสียหาย รวมไปถึงการเกิดภาวะสงครามที่ติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้เกมกีฬาสุดโหดนี่ไม่ได้รับการสานต่อ

 

ยุคบูรณะซ่อมแซม

จากภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวหลายครั้ง และภาวะสงคราม ซึ่งกรุงโรมถูกรุกรานบ่อยครั้งดังกล่าว ทำให้ โคลอสเซียม เดิมพังทลายไปเกือบหมด งานบูรณะซ่อมแซมจึงเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 217 แต่ก็ถูกทอดทิ้งในเวลาต่อมา หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของอิตาลี ต่อมา โป๊ปเกรกอเรียส แมกนุส องค์ประมุขคริสตจักรคาทอลิก ในช่วงปี ค.ศ. 590-604 ได้ทำการบูรณะ และเปลี่ยน โลอสเซียม ให้เป็นโบสถ์ สนามประลองยุทธ์อันเลื่องชื่อ จึงกลายเป็นโบสถ์ตั้งแต่นั้นมา จนถึงยุคนโปเลียนขึ้นครองราชย์ ระหว่างปี 1809-1815 โคลอสเซียม ได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดอายุกว่า 1,900 ปี

ล่าสุดเมื่อปี ค.ศ. 1992 ธนาคารเอกชนแห่งหนึ่ง ได้ให้งบประมาณบูรณะ โคลอสเซียม ครั้งใหญ่ แล้วเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 2003 ปัจจุบัน โคลอสเซียม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกรุงโรม หรืออาจจะมากที่สุดในอิตาลีก็เป็นได้

Credit: http://travel.mthai.com/world-travel/64882.html
28 ส.ค. 56 เวลา 12:04 3,676 90
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...