เรื่อง สิว สิว...ที่ควรรู้!

 

นอกจากวัยรุ่นหลายคนจะไม่เข้าใจเจตนาที่ผู้ใหญ่คอยจุกจิกจู้จี้เพราะความเป็นห่วงแล้ว คงจะมีอีกเรื่องสำคัญที่วัยรุ่นไม่เข้าใจ นั่นคือ "สิว" ตามคำบอกเล่าของผู้มีบุตรหลานวัยรุ่นว่า บางทีสิวขึ้นหน้าเม็ดสองเม็ด ทำให้บุตรหลานถึงกับเครียด ไม่อยากออกไปพบเจอผู้คน และร้องขอให้พาไปรักษา เข้าคอร์สทำสวยให้ไร้สิวที่มีราคาแสนแพง แต่สุดท้าย สิวเจ้ากรรมก็กลับมาเยือนใบหน้าอยู่ดี...แล้วเป็นไง ก็เสียดายเงิน!

อยากเข้าใจปัญหาสิวให้ถูกต้องชัดเจน ต้องรับทราบจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เริ่มจาก พญ.มาริษา พงศ์พฤฒิพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคณะอนุกรรมการวิชาการ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เผยว่า กลุ่มวัยรุ่นทั้งชายหญิง มักรู้สึกว่าสิวเป็นทั้งปัญหากายและใจ หากตัดสินใจเข้าไปรักษาตามคลินิกเสริมความงาม ย่อมสร้างรายจ่าย ทั้งที่จริงแล้ว หากวัยรุ่นรวมทั้งผู้ปกครองได้เข้าใจข้อเท็จจริง อาจไม่ต้องจ่ายแพงเกินความจำเป็น

พญ.มาริษา บอกว่า สิว เป็นคุณลักษณะที่บ่งบอกถึงการเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ โดยประชากรอายุระหว่าง 11-30 ปี เป็นสิวกันมากถึงร้อยละ 80 โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงมักเริ่มมีสิวก่อนมีประจำเดือนครั้งแรกประมาณ 1 ปี นอกจากนี้ สิวยังเกิดขึ้นได้แม้อายุพ้นวัย 30 ปีไปแล้ว คนวัย 40-50 ปี ยังเป็นสิวอย่างต่อเนื่องก็มี สาเหตุหลักๆ ที่ยังเป็นสิวยันวัยกลางคนก็เพราะความไม่สมดุลของฮอร์โมน หรือมีระดับฮอร์โมนเพศชายมากเกินไป รวมทั้งผู้หญิงบางคนใช้เครื่องสำอางแล้วทำความสะอาดไม่ดีเพียงพอ

ด้าน ผศ.ดร.รัฐพล ตวงทอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคณะอนุกรรมการวิชาการ สมาคมแพทย์ผิวหนังฯ เผยข้อมูลเรื่องการรักษาสิวที่คนทั่วไปควรรู้ว่า หลักทางการแพทย์จะแบ่งระดับการรักษาสิวเป็น 3 ระดับ ให้สัมพันธ์กับลักษณะสิวหรือรอยโรค เริ่มจากระดับน้อย คือมีแต่หัวสิวโผล่ เป็นรอยนูนๆ แต่ไม่อักเสบ ถือว่าไม่รุนแรง จะให้ยาทาเป็นพื้นฐาน แต่หากเป็นสิวในระดับปานกลาง คือสิวมีการอักเสบ แดง มีตุ่มหนองบ้าง และมีแนวโน้มลุกลามมากขึ้น แพทย์จะพิจารณาให้ทั้งยากินและยาทา ทว่าเป็นสิวในระดับรุนแรง คือมีสิวหัวช้างเม็ดใหญ่และมีการเชื่อมกัน จะต้องให้กรดวิตามินเอร่วมด้วย

ผศ.ดร.รัฐพล ยังบอกอีกว่า วิธีการกดสิว ฉีดสิว หรือแม้แต่การรักษาด้วยแสงและเลเซอร์ จัดเป็นการรักษาเสริมโดยเฉพาะการรักษาสิวอย่างหลังนี้มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องรักษาต่อเนื่องหลายครั้ง ก่อนตัดสินใจรับการรักษาควรรู้ว่า เป็นการใช้แสงในช่วงคลื่นที่เหมาะสมเพื่อลดจำนวนเชื้อสิวแบคทีเรีย ลดการทำงานของต่อมไขมัน แต่ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถประเมินถึงประสิทธิภาพ และผลการรักษาในระยะยาวของเครื่องชนิดต่างๆ ได้ รวมทั้งยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนเพียงพอว่า การรักษาสิวด้วยแสงและเลเซอร์ ช่วยให้สิวหายได้โดยไม่ต้องใช้ยา และการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม

ขณะที่ ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ ประธานประชาสัมพันธ์สมาคมแพทย์ผิวหนังฯ  เตือนถึงการใช้กรดวิตามินเอแบบรับประทานว่า จำเป็นต้องพิจารณาสั่งโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากยาชนิดนี้เป็นเหมือนดาบสองคม มีคุณอนันต์ แต่ก็มีโทษมหันต์หากใช้ไม่ถูกต้อง ยานี้จะเห็นชื่อทางการแพทย์ว่า Isotretinoin หรือ Roaccutane แพทย์จะสงวนไว้ใช้ในรายที่เป็นสิวรุนแรงมาก, ใช้ยาอื่นแล้วไม่ดีขึ้น, เป็นสิวชนิดรุนแรง, เป็นสิวระดับปานกลางแต่เป็นซ้ำบ่อย, และเมื่อผู้ป่วยมีปัญหาความเครียดอย่างหนักจากการเป็นสิว โดยไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เพราะจะทำให้กระดูกปิดก่อนกำหนด

นอกจากนี้ ผศ.พญ.สุวิรากร บอกด้วยว่า ผู้ที่อยู่ในช่วงรับประทานยากรดวิตามินเอ จะไม่สามารถบริจาคโลหิตได้เพราะฤทธิ์ยาจะปนอยู่ในกระแสเลือด ต้องหยุดใช้ยาไม่ต่ำกว่า 1 เดือน จึงจะไปบริจาคเลือดได้ ส่วนผู้หญิงที่มีแผนจะตั้งครรภ์ก็ต้องหยุดใช้ยาชนิดนี้ก่อนตั้งครรภ์ 1 เดือนเช่นกัน เพราะฤทธิ์ก่ออันตรายต่อทารกในครรภ์ ทำให้เด็กพิการได้

สุดท้ายแพทย์ผิวหนังทั้งสาม ประสานเสียงพ้องต้องกันฝากถึงคนเป็นสิว อย่าใจร้อนว่าสิวจะต้องหายไปโดยเร็วเมื่อทำการรักษา อย่างกรณีได้รับยาฆ่าเชื้อ อาการของสิวจะดีขึ้นในระยะ 4-8 สัปดาห์ อย่าฝากความหวังเดียวไปที่ตัวยาหรือวิธีรักษาว่าจะทำให้สิวหายไป แต่ต้องรักษาความสะอาดผิว ไม่เครียด ไม่นอนดึก เลี่ยงอาหารที่มีดัชนีกัยซีมิกซ์ จำพวกไอศกรีม ขนมปังขัดขาว นม ของหวาน.

ทีมเดลินิวส์ออนไลน์

28 ส.ค. 56 เวลา 11:47 2,236 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...