กอง ปราบฯรวบ 3 ผู้ต้องหา ลวงผู้รับเหมาไปฆ่าหมกป่าท่าตะเกียบl ฆ่าเสี่ย ฉะเชิงเทรา หลังเมียผู้ตายโร่แจ้งความสามีหายตัวไปเกือบเดือน รู้ออกไปกับเพื่อนสนิทอดีตเจ้าของร้านตัดเสื้อ เชิญตัวมาสอบจนสารภาพสิ้น แค้นถูกยืมเงินไปเกือบล้านบาททวงก็ไม่คืน ผู้ต้องหาร่วมแก๊งก็เสียเงินค่าฝากหลานเข้าเป็นตำรวจอีก 4 แสนบาท จึงวางแผนพาไปล่าสัตว์แล้วฆ่า ทิ้งศพไว้กลางป่า
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 ส.ค. ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.อ. สิรวิชญ์ มหัทธนวิศิษฏ์ รอง สว. ร่วมแถลงจับกุมนายสุวัตร์ นนทรัตน์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/6 ถ.เทศบาลนิมิตใต้ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. นายวีระยุทธ คำรังสี อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 15 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และนายชิดชัย ชิดดิษฐ์ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128/1 หมู่ 5 ต.คลองตะเกราะ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ทั้งหมดถูกจับตามหมายศาลอาญา ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ พร้อมด้วยของกลางปืนลูกซองยาว จำนวน 1 กระบอก
พล.ต.ต.สุ พิศาลเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา น.ส.นก ศรีบุญเรือง อายุ 35 ปี ภรรยาของนายสุทธิ รอดพิทักษ์ อายุ 45 ปี ผู้ตาย เข้าแจ้งความกองปราบปราม เพื่อขอให้ช่วยตามหาตัวสามีที่หายไปจากบ้านตั้งแต่ปลายเดือนก.ค.ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เข้าแจ้งความ สน.ประชาชื่นไว้แล้วแต่ยังไม่คืบหน้า จากการสอบปากคำน.ส.นกได้ให้รายละเอียดในเรื่องราวทั้งหมด รวมถึงข้อสงสัยต่างๆ ที่เชื่อว่าอาจเป็นสาเหตุทำให้สามีหายตัวไป และยังทราบจากลูกชายว่าวันที่บิดาหายตัวไปนั้นบิดาออกจากบ้านไปกับเพื่อน สนิทชื่อนายสุวัตร์ อดีตเจ้าของร้านตัดเสื้อสูทแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาสอบสวน
พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวต่อว่า หลังจากเรียกนายสุวัตร์มาสอบสวน 2 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 14 ส.ค. ครั้งที่สองวันที่ 22 ส.ค. นายสุวัตร์ ก็ยอมรับสารภาพว่าลวงนายสุทธิไปฆ่าจริง ศพทิ้งไว้ในป่าเขาคลองสี่ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา เขตติดต่อกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทางด้าน จ.ปราจีนบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยวางแผนลวงนายสุทธิไปล่าสัตว์ เนื่องจากผู้ตายเป็นคนชอบเที่ยวป่า มีนายวีระยุทธและนายชิดชัยร่วมเดินทางไปด้วย
พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุที่ต้องลวงไปฆ่านั้น นายสุวัตร์ให้การว่าเป็นเพื่อนกับผู้ตายมานานเกือบ 20 ปี ก่อนหน้านี้นายสุทธิเคยรับเหมางานก่อสร้างและค้าขายแผ่นซีดี ระยะหลังยังเป็นสายให้กับตำรวจด้วย ส่วนความแค้นที่เกิดขึ้นเพราะผู้ตายยืมเงินรวมทั้งหมดแล้วเกือบ 1 ล้านบาท ครั้นทวงถามก็ไม่ยอมใช้คืน ส่วนนายชิดชัยถูกหลอกว่าสามารถฝากหลานสาวให้เข้าเป็นตำรวจได้ ต้องเสียค่าดำเนินการไปอีก 4 แสนบาท แต่ไม่สามารถพาเข้าทำงานได้ ก็เลยเกิดความแค้น จึงร่วมกันวางแผนลวงไปฆ่า โดยหลอกผู้ตายว่าจะพาไปล่าสัตว์ที่ป่าเขาคลองสี่
พล.ต.ต.สุ พิศาลเปิดเผยต่อว่า หลังจากเดินป่าไปได้ประมาณ 3 ช.ม.ก็ชักชวนกันนั่งพัก ระหว่างนั้นนายวีระยุทธใช้ปืนลูกซองยาวจ่อยิงเข้าท้ายทอยของผู้ตายจนเสีย ชีวิต จากนั้นช่วยกันจับถอดเสื้อผ้านำมาเผาทำลายหลักฐาน ส่วนศพหมกทิ้งเอาไว้ในป่า เสร็จแล้วนำอาวุธปืนไปโยนทิ้งน้ำ หลังออกจากป่าก็นำรถยนต์ อีซูซุ รุ่นมิวเซเว่น สีดำ ทะเบียน ญก 5410 กทม. ของผู้ตายไปขายได้เงินมา 80,000 บาทแล้วแยกย้ายกันหลบหนี ก่อนถูกจับกุมตัวได้ทั้งหมด โดยเมื่อวันที่ 23 ส.ค.เจ้าหน้าที่นำผู้ต้องหาไปชี้จุดที่เกิดเหตุและจุดทิ้งศพ สามารถเก็บหลักฐานไว้ได้จำนวนหนึ่งด้วย สำหรับผู้ต้องหาทั้งหมดส่งตัวให้ สภ.ท่าตะเกียบ เจ้าของท้องที่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายงาน ข่าวแจ้งว่า นายชิดชัยถือว่าเป็น ผู้กว้างขวางรายหนึ่งใน อ.ท่าตะเกียบ มีฉายาว่า "จ๋าโจ" ที่ผ่านมามีประวัติถูกจับกุมคดีประสงค์ต่อชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 คดี นอกจากนี้ยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยพัวพันกับซุ้มมือปืนใน อ.ท่าตะเกียบ อีกด้วย