สั่งเร่งแก้บท ท่านจุฬาฯอภัย ช่อง7รุด ขอขมา! ละครดัง ถ่ายซ่อม

ช่อง 7-ดาราวิดีโอเข้าชี้แจงปมละคร"ฟ้าจรดทราย"แล้วl สั่งแก้บทท่านจุฬาราชมนตรีพอใจ จัดคณะผู้ทรงคุณวุฒิไปช่วยให้คำแนะนำแก้ไข "สยาม สังวริบุตร" กล่าวคำขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ชี้เป็นบทเรียนในการทำละคร พร้อมแก้ไขทุกอย่าง ปรับปรุงตอนที่เหลืออีก 8 ตอน เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดก่อนออกอากาศ เตรียมถ่ายทำเพิ่มฉากคู่พระ-นาง แต่งงานกลางทะเลทราย แก้ไขจากบทเดิมที่ทั้งคู่ไปผจญภัยกันสองต่อสองทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงาน 



จาก กรณีมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ ออกแถลง การณ์และส่งหนังสือไปยังน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) รวมถึงสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ขอให้ยุติการออกอากาศละครทีวีเรื่อง "ฟ้าจรดทราย" ของค่ายดาราวิดีโอ โดยให้เหตุผลว่าเนื้อหาของละครบิดเบือนหลักการศาสนาอิสลาม ทั้งนี้ ละครฟ้าจรดทราย ดัดแปลงจากนิยายรักของโสภาค สุวรรณ นำแสดงโดย "ขวัญ" อุษามณี ไวทยานนท์ และ "ตุ้ย"ธีรภัทร์ สัจจกุล



ซึ่งภายหลัง จากที่ตกเป็นข่าว คณะผู้บริหารช่อง 7-ดาราวิดีโอ เตรียมเดินทางเข้าพบนาย อาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ประธานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เพื่อเคลียร์ปมละคร "ฟ้าจรดทราย" ที่โดนจี้เลิกฉาย ขณะที่ "หลุยส์"สยาม สังวริบุตร ผู้กำกับฯ และดาราสาว "เอมมี่"มรกต ได้ออกขอโทษชาวมุสลิมหากเนื้อหากระทบศาสนา พร้อมเปิดใจว่า ทีมงานต่างตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุด และมีการเช็กรายละเอียดกันจนแน่ใจว่าถูกต้อง แต่สวนทางกับประธานฝ่ายกฎหมายมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ ที่ออกมายันว่าละคร มีข้อผิดพลาดเยอะ ตามที่เสนอไปนั้น



ความคืบหน้าเวลา 11.00 น. วันที่ 24 ส.ค. ที่สำนักจุฬาราชมนตรี เขตหนองจอก คณะ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 นำโดยนายพลากร สมสุวรรณ กรรมการ ผู้จัดการสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7, อ้อย ชโรบล เรียงสุวรรณ ผู้จัดการฝ่ายสถานีฯ พร้อมด้วย "หลุยส์" สยาม สังวริบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด และเป็น ผู้ผลิตละครเรื่อง ฟ้าจรดทราย เดินทางมาเข้าพบนายอาศิส นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล เลขานุ การจุฬาราชมนตรี และนายประสาน ศรีเจริญ ผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี เพื่อขอคำแนะนำในการปรับปรุงเนื้อหาของละครเรื่อง "ฟ้าจรดทราย" โดยทั้งหมดร่วมประชุมหารือกันจนได้ข้อสรุปเป็นที่น่าพอใจ



นาย อาศิสกล่าวว่า ขอบคุณที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญ และขอบคุณที่เข้ามาทำความเข้าใจ ตนเชื่อโดยสุจริตว่าทุกท่านไม่มีเจตนาดูหมิ่นดูแคลน แต่อาจจะคิดไม่ถึง อะไรที่เกี่ยวกับศาสนาให้ระวัง เพราะเป็นเรื่องที่อ่อนไหว เชื่อว่าผู้จัดละครไม่มีเจตนา แต่เกรงว่าภาพที่ออกไปจะกระทบกับมุสลิมบางคน ภาพของดาราที่แต่งตัวในละคร จะต้องเป็นคนเคร่งครัด แต่ภาพที่สื่อออกมาขัดกับชีวิตจริง ขอบคุณที่จะปรับปรุงแก้ไข ไม่ให้มีผลกระทบต่อพี่น้องมุสลิม ทางเราจะจัดคณะผู้ทรงคุณวุฒิไปช่วยแนะนำดูแลในสิ่งที่ต้องแก้ไข

นาย ประสานกล่าวว่า ดีใจที่ช่อง 7 ให้ความเข้าใจในประเด็นที่อาจจะเกิดความเข้าใจผิด และอาจส่งผลกระทบไปสู่ประชาชนที่อยู่ร่วมกันในประเทศ พิจารณาจากคำพูดที่มีความจริงใจ ที่ทางช่อง 7 ได้มาอธิบายให้ฟัง ทางช่อง 7 รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ศาสนาไม่เอาโทษเมื่อสำนึกผิดและแก้ไข 



"ทาง ช่อง 7 ได้ส่งเรื่องไปที่อียิปต์ และกระทรวงวัฒนธรรมของอียิปต์ ซึ่งส่วนใหญ่ ก็เป็นระเบียบของประเทศนั้นๆ ประเทศไทยและอียิปต์ต่างกันตามวัฒนธรรม เราเป็นห่วงภาพลักษณ์ โดยเฉพาะด้านการแต่งกาย หากแต่งตัวแบบนั้นตามในละคร จะต้องไม่ประพฤติ ปฏิบัติตัวแบบนี้ ละครเรื่องนี้ไม่ได้ดูถูกดูแคลนศาสนา บทไม่เกี่ยวกับศาสนา ไม่ใช่ประวัติศาสนา เป็นเรื่องของคนต่างศาสนามาเจอกัน แต่มีบางฉากที่หมิ่นเหม่ต่อการไม่ชอบ ก็ให้มาปรึกษากันเพื่อหาทางแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่กระทบความรู้สึก" นายประสานกล่าว 

และ ว่า ตอนนี้ทางจุฬาราชมนตรี ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปช่วยพิจารณาละครในบางจุดที่เห็นว่าควรจะตัดออกแล้ว ส่วนจะเป็นฉากไหน ตนยังไม่ได้เห็นละครเรื่องนี้ทั้งหมด



นาย ประสานกล่าวอีกว่า แต่เท่าที่เห็นแบบผ่านๆ น่าจะเป็นฉากของการอยู่ร่วมกันของ ชารีฟ กับ มิเชลล์ พระเอกกับนางเอก ซึ่งทั้งคู่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ตามหลักการของศาสนาอิสลาม ตรงนี้เป็นข้อผิดพลาด ส่วนฉากที่ คุณติ๊ก ชิโร่ ดื่มเหล้า ทางผู้จัดละครยืนยันว่าไม่มีแน่นอน แต่ถ้ามีก็ต้องตัดออก ที่ผ่านมา ทางมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ ออกมาเรียกร้องในเรื่องฉากเลิฟซีนและการอยู่ด้วยกันของพระ-นาง ฉากความรุนแรง รวมถึงเรื่องของโหรทำนายของหมอดู ซึ่งฉากเหล่านั้นมันผ่านไปแล้ว คิดว่าต่อไปจะไม่มีฉากเหล่านี้อีกแล้ว มาถึงตอนนี้ทางสำนักจุฬาราชมนตรี ช่อง 7 และ ดาราวิดีโอ ก็มาร่วมมือกันพิจารณาช่วยกันแก้ ไขในสิ่งที่อาจจะผิดพลาดในอีก 8 ตอนที่เหลือ 



นายซากีย์กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของศาสนาอิสลาม คือ เรื่องของการแต่งกาย หากพิจารณาดูในตะวันออกกลาง จะเป็นเสื้อผ้าที่ทุกคนแต่งเหมือนกันหมด แต่หากมาที่ประเทศไทย แต่งตัวแบบนี้ในประเทศไทย จะเป็นผู้รู้ เป็นผู้นำศาสนา 

"พอมาเกิดในประเทศไทย จะกระทบกับศาสนา เพราะเครื่องแต่งกายแบบนั้น ไม่ใช่คนทั่วไป เป็นภาพลักษณ์ของผู้รู้ พอเรานำภาพลักษณ์ของผู้รู้มาใส่บริบทละคร จึงกลายเป็นปัญหา เพราะท่านอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การแต่งกายในละคร จะต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ" นายซากีย์กล่าว 



เลขานุการ จุฬาราชมนตรีกล่าวต่อว่า ตนแยกประเด็นออกมาไม่เกี่ยวกับศาสนา แต่เป็นภาพลักษณ์ การแต่งกาย ซึ่งทำให้ถูกเข้าใจผิด การแต่งกายในเรื่องมองเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากการมองเป็นมุสลิม และคนที่แต่งตัวแบบนี้ในประเทศไทย หมายถึงเป็นผู้รู้ มนุษย์มีโลภ โกรธ หลง ศาสนาอิสลาม ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องของอารมณ์ แต่อารมณ์ถูกจัดการด้วยคำสอน ไม่อยากให้เกิดความรู้สึกว่ามุสลิมนั้นยุ่งยาก อยากให้สื่อออกมาในด้านดี

ทาง ด้านนายพลากรกล่าวว่า ในนามของช่อง 7 และบริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด รู้สึกเสียใจในข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอขอบคุณท่านจุฬาราชมนตรี สำนักจุฬาราชมนตรีและคณะที่ให้คำชี้แนะ ทางตนจะร่วมมือกันและยินดีแก้ไขปรับปรุงให้ผลงานที่ออกมาไม่มีข้อบกพร่องใดๆ

ขณะ ที่ "หลุยส์"สยาม สังวริบุตร กล่าวว่า วันนี้ที่ตนมาเรียนกับทางท่านจุฬาราชมนตรี ให้ท่านเข้าใจว่าเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตน และกล่าวคำขอโทษในสิ่งทำลงไปอย่างไม่ตั้งใจ ตนยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น จึงมาขอคำแนะนำ



"ผมมาแสดงความจริงใจต่อท่านจุฬาราช มนตรี ว่าเป็นความผิดพลาดของผม และท่าน ก็เมตตามากๆ ท่านรู้ว่าเราไม่มีเจตนา แต่ประเด็น ที่ท่านพูดถึง ก็คือภาพลักษณ์ที่ออกมาในเรื่องการแต่งตัวของตัวละครในเรื่อง อาจจะทำให้คน เข้าใจผู้นับถือศาสนาอิสลามซึ่งเป็นมุสลิมผิด ท่านก็แนะนำว่าอยากให้ทีมงานมาช่วยกันดูแลไม่อยากให้ผิดพลาดขึ้นอีก" นายสยาม กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงฉากการอยู่ด้วยกันของพระ-นางในทะเล ทราย ซึ่งทางสำนักจุฬาราช มนตรีท้วงติงมาว่า ผู้ชายกับผู้หญิงยังไม่ได้แต่งงานกันมาอยู่ร่วมกันผิดหลักศาสนาอิสลาม "หลุยส์"สยาม กล่าวว่า ตรงนี้ตนต้องแก้ไข ต้องมีการถ่ายเพิ่ม ซึ่งแกนหลักของเรื่อง ฟ้าจรดทราย คือ ความรักของพระเอก-นางเอก ที่ต่างศาสนาที่ต้องผจญภัยกลางทะเลทราย



"ในการผจญภัยกลาง ทะเลทราย ก็ต้องมีฉากกุ๊กกิ๊กกันบ้าง ซึ่งพระ-นางอยู่กันสองคน ซึ่งเราไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร ทางท่านจุฬาราช มนตรีก็แนะนำมาว่าให้มีพิธีแต่งงาน พอทั้งคู่แต่งงานหลังจากนั้นทั้งคู่จะทำอะไรก็ไม่เป็นไร เราต้องถ่ายเพิ่มฉากแต่งงาน ซึ่งฉากแต่งงานในทะเลทรายที่ถ่ายเพิ่มก็ไม่วุ่นวายอะไร และอาจต้องมีฉากงานฉลองแต่งงานในตอนท้ายเรื่อง และท่านประสานยังได้เสนอแนะต่อว่า จริงๆ แล้วงานฉลองแต่งงานก็เป็นหนึ่งในพิธีของอิสลาม ซึ่งเราก็ต้องถ่ายเพิ่มอาจจะเป็นตอนจบของเรื่อง กองถ่ายยินดีถ่ายทำเพิ่มเติมตามคำแนะนำ" ผู้กำกับคนดังกล่าว 


และ ว่า ในส่วนของฉากการดื่มเหล้าของตัวละครในเรื่อง ตนยืนยันว่าไม่มี นอกจากนี้ คำพูดของตัวละครที่พูดว่าพระพุทธเจ้าค่ะ ก็ไม่มี ในบทละครเขียนว่าพ่ะย่ะค่ะ

เมื่อถามว่า หลังพูดคุยแล้วรู้สึกอย่างไร ผู้กำกับละครคนดังกล่าวว่า ยังโล่งใจไม่ได้เต็มที่ จนกว่าจะแก้ไขถ่ายในส่วนที่ต้องเพิ่มให้เรียบร้อยก่อน และขอให้ไม่มีการแตกแยกขึ้นมาอีก เรื่องของเรตติ้งไม่เกี่ยว ตนบอกกับทางช่อง 7 ว่าจะแก้ไขให้ดีที่สุด ไม่ได้หวังในเรื่องกำไรแต่ขอให้ทุกอย่างเรียบร้อย 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...