เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่สำนักจุฬาราชมนตรี นายพลากร สมสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และ นายสยาม สังวริบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาราวีดิโอ จำกัด เข้าพบ ท่านจุฬาราชมนตรี อาศิส พิทักษ์คุมพล เพื่อขอคำแนะนำในการแก้ไขปรับปรุงละครเรื่อง “ฟ้าจรดทราย” ให้ถูกต้องตามหลักปฏิบัติศาสนาอิสลาม
พลากร เปิดเผยว่า ในนามของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และบริษัท ดาราวิดิโอ จำกัด รู้สึกเสียใจในข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในครั้งนี้ ขอขอบคุณท่านจุฬาราชมนตรี สำนักจุฬาราชมนตรี และคณะ ที่ให้คำชี้แนะ ทางเราจะร่วมมือกันและยินดีแก้ไขปรับปรุงให้ผลงานที่ออกมาไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ
ด้าน สยาม กล่าวเสริมว่า ขอยอมรับในข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตนตั้งใจที่จะทำละครให้ออกมามีความสวยงาม ขออภัยที่ไม่ได้หารือท่านตั้งแต่ต้น แต่ก็ได้ส่งเรื่องทั้งหมดให้สถานทูตอิยิปต์ และกระทรวงวัฒนธรรมได้ตรวจสอบแล้ว ส่วนจะให้ทำอย่างไรก็พร้อมเพราะไม่อยากให้เกิดความแตกแยก อะไรที่ผิดพลาดก็ขอยอมรับทุกอย่าง
ส่วน อาศิส ได้เผยว่า ขอบคุณที่ให้ความสำคัญ และเข้ามาทำความเข้าใจ ส่วนตัวเชื่อโดยสุจริตว่าทางช่องไม่มีเจตนาดูหมิ่นดูแคลน แต่อาจจะคิดไม่ถึง อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับศาสนาควรต้องระวัง เพราะอ่อนไหวง่าย เชื่อว่าผู้จัดฯไม่มีเจตนา แต่เนื่องจากภาพที่ออกไปกระทบกับมุสลิมบางคน อีกทั้งภาพของดาราที่แต่งตัวในละครมันขัดกับชีวิตจริง ซึ่งจะจัดคณะผู้ทรงคุณวุฒิให้ไปช่วยแนะนำดูแลในสิ่งที่ต้องแก้ไข
ด้าน นายประสาน ศรีเจริญ ผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี กล่าวเสริมกรณีนี้ว่า ดีใจที่ช่อง 7 ให้ความเข้าใจในประเด็นที่อาจจะเกิดความเข้าใจผิด และอาจส่งผลกระทบไปสู่ประชาชนที่อยู่ร่วมกันในประเทศ ซึ่งศาสนาไม่เอาโทษเมื่อสำนึกผิด และพร้อมแก้ไข ในทีแรกสิ่งที่เป็นห่วงคือภาพลักษณ์ โดยเฉพาะด้านการแต่งกาย เพราะหากแต่งตัวแบบนั้น (ตามในละคร) ถือว่าผิดตามหลักปฏิบัติ ซึ่งละครเรื่องนี้ไม่ได้ดูถูกดูแคลนศาสนา แค่เป็นเรื่องของคนต่างศาสนามาเจอกัน แต่มีบางฉากที่หมิ่นเหม่ต่อการไม่ชอบ ก็อยากให้ลบให้ตัดไป
อย่างไรก็ตามข้อสรุปในการร่วมมือแก้ไข สำนักจุฬาราชมนตรี จะให้การสนับสนุนทีมผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมให้คำแนะนำ ตรวจสอบ จะดูแลแก้ไข ในละครส่วนที่เหลืออีก 8 ตอน
ต่อมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางช่อง 7 สี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า“BBTV Channel7” มีใจความว่า “ช่อง 7 สีและดาราวิดีโอ เข้าพบท่านจุฬาราชมนตรี ซึ่งท่านให้คำแนะนำและข้อสรุปในการแก้ไข โดยอีก 8 ตอนที่เหลือจะให้ผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี ดูแลให้คำปรึกษาในการแก้ไขอย่างใกล้ชิด... แฟน ๆ ช่อง 7 สี สบายใจได้ค่ะ ว่าจะได้ดูฟ้าจรดทราย ครบถ้วนทุกตอน และไม่หมิ่นเหม่ต่อศาสนาอิสลามค่ะ” นอกจากนี้ยังได้มีการโพสต์รูปคณะกรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เข้าพูดคุยกับท่านจุฬาราชมนตรี ที่สำนักจุฬาราชมนตรี
ด้าน ทีมงานดาราวิดีโอ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการประชุมกับจุฬาราชมนตรี ทางเราคงต้องกลับมาปรึกษาหารือทั้งกับทีมงาน ผู้กำกับ นักประพันธ์ ในส่วนของการปรับวิธีการนำเสนอในฉากที่ไม่เหมาะสม อาทิ ฉากพระนางที่แสดงความรักต่อกันท่ามกลางทะเลทราย ซึ่งอาจจะต้องกลับมาถ่ายทำบางฉากเพิ่ม เพื่อใส่เพิ่มเข้าไปในละคร ให้เป็นการแสดงความรักของพระนางในอีกรูปแบบนึง เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ยังไม่สรุปว่าจะนำเสนอด้วยวิธีการใด สำหรับเรื่องของทุนในการสร้าง ยังไม่สามารบอกได้ว่าใช้ไปเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าอยู่ในหลักหลายล้านบาท สูงมากว่าละครเรื่องผ่าน ๆ มา เนื่องจากส่วนใหญ่กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ต้องไปถ่ายทำที่ทะเลทรายเป็นหลัก ด้านความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ไม่น่าจะผลอะไรมากกับตัวละคร
"สาเหตุที่ละคร “ฟ้าจรดทราย” ต้องถ่ายทำนานเป็นเวลาถึง 3 ปี เนื่องจากว่ามีปัญหาเรื่องการหาโลเคชั่นใน ซึ่งค่อนข้างจะหายากพอสมควร นอกจากนี้ในการเดินทางไปถ่ายทำที่ประเทศอียิปต์นั้น ก็ต้องมีช่วงที่หยุดพักการถ่ายทำ เนื่องจากการจราจลกลางเมือง นอกจากนี้ต้องทำจดหมายขอทางกระทรวงของอียิปต์ด้วย รวมทั้งต้องแปลบทละครทั้ง 8 ตอนเป็นภาษาอังกฤษให้ทางกระทรวงอียิปต์ตรวจสอบก่อน แต่ในส่วนของคิวนักแสดงนั้น ไม่ได้มีปัญหามากนัก จะมีก็แต่ละครเรื่องนี้ถ่ายทำนาน นักแสดงบางคนก็ต้องไปถ่ายละครเรื่องอื่นเช่นกัน