ตม.ล็อกได้อีก2 ลักลอบเข้าไทย บัวแก้วสอบรูด ลูกจ้างสถานทูต ประจำมาเลเซีย
สต ม.แจกภาพ "เจ๊มาม่า" ตัวการแก๊งฉกดวงตราวีซ่าไทย จากสถานทูตไทย ในมาเลเซีย300 ใบส่งขายทั่ว มั่นใจยังกบดานในเมืองไทย ส่งภาพให้ทุกหน่วยติดตามล่าตัว รมว.ต่างประเทศจี้สอบหาผู้เกี่ยวข้อง เบื้องต้นสงสัย 5 ลูกจ้างชาวมาเลย์ ในสถานทูตไทย กำชับอย่าให้เกิดเรื่องขึ้นอีก ขณะที่ตม.สะเดา และสุวรรณภูมิ จับเพิ่มอีกหนุ่มไนเจอร์ และรัสเซีย ซื้อวีซ่าเข้าเมืองไทย สารภาพติดต่อจากบริษัทท่องเที่ยวในห้าง เมืองกัวลาลัมเปอร์ ราคาใบละ 3 หมื่นบาท รวมจับได้แล้ว 11 ราย เหลืออีก 44 คน ยังอยู่ในเมืองไทย สั่งจับตาใกล้ชิดหากใช้วีซ่าติดต่อธุรกรรมจะเข้าล็อกตัวทันที
จาก กรณีเกิดขบวนการลักลอยขโมยตราวีซ่าไทยจำนวน 300 ใบ วางขายในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เบื้องต้นพบว่าขโมยมาจากสถานทูตไทยในมาเลเซีย ขายให้กับชาวต่างชาติเพื่อเดินทางเข้าเมืองไทย พบว่ามีชาวต่างชาติและบุคคลต้องห้ามทั้งจากอิหร่าน ไนจีเรีย ปากีฯ อินเดีย และชาติในเอเชียกลาง ใช้วีซ่า ล็อตดังกล่าวเข้าเมืองไทยแล้วจำนวน 259 ราย เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ใช้วีซ่าดังกล่าวจำนวนหนึ่ง และพบว่ามีจำนวนหนึ่งยังอยู่ในเมืองไทย สอบพบมีสาวไทยชื่อ "มาม่า" พักย่านพัฒนาการ อยู่เบื้องหลังจำหน่ายตราวีซ่าใบละ 3-6 หมื่นบาท โยงถึงคนไทยและชาวมาเลย์รวม 5 คน สำหรับหมายเลขวีซ่าที่หายไปประกอบด้วย หมายเลข เอ 4049901 - เอ 405000 จำนวน 100 ใบ, หมายเลข เอ 4055501 - เอ 4056000 จำนวน 100 ใบ และหมายเลข เอ 5801901 - เอ 5802000 จำนวน 100 ใบ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 22 ส.ค. พ.ต.อ. กานต์ ธรรมเกษม ผกก.ตม.สงขลา พร้อมด้วยพ.ต.ต.ชุมพล บัวชุม สว.ตม. จับกุมนาย คิมบา ยาโออู อายุ 35 ปี ชาวไนเจอร์ ขณะเดินทางจากประเทศมาเลเซียเข้าไทยผ่านด่านสะเดา เนื่องจากตรวจพบหนังสือเดินทางไนเจอร์มีวีซ่าประทับดวงตราของราชอาณาจักรไทย หมายเลข เอ 5081922 เป็น ล็อตกับที่ถูกขโมยไป ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศสั่งยกเลิกทั้งหมดแล้ว
นายคิมบาให้ การว่าเป็นนักฟุตบอลต้องการเข้ามาเล่นสโมสรในเมืองไทย นอกจากนี้มีภรรยาเป็นคนไทยและกำลังตั้งท้อง แต่ขอวีซ่าไม่ผ่าน จึงติดต่อผ่านนายหน้านำหนังสือเดินทางไปลงตราให้ จ่ายเงินค่าจ้างจำนวน 1,000 ดอลลาห์สหรัฐหรือประมาณ 30,000 บาท เพื่อเดินทางเข้าประเทศไทย
ด้าน พ.ต.อ.ชาติชาย เอี่ยมแสง รองผบก.สส.สตม กล่าวว่า นอกจากนี้นายคิมบา ที่ถูกจับกุมแล้ว วันเดียวกันนี้ สตม.จับกุมนายลิเนนโก อเล็กซานเดอร์ อายุ 26 ปี ชาวรัสเซียได้อีกรายที่สนามบินสุวรรณภูมิ ให้การตรงกันว่าติดต่อซื้อดวงตราวีซ่าเข้าไทยมาจากร้านไมค์ ช็อปปิ้งมอลล์ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผล ส่วนตัวเลขล่าสุดศูนย์สืบสวนสตม.ได้ควบคุม ผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ทั้งหมด 11 คน โดยก่อนหน้านี้จับกุมได้ 9 ราย แบ่งเป็นชาวแคมมา รูนกับชาวกินี 2 ราย เดินทางมาจากประเทศลาว ผ่านเข้าทางจ.มุกดาหาร และอีก 7 รายจับได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ แบ่งเป็นชาวปากีสถาน 3 ราย อิหร่านและอินเดีย ประเทศละ 2 ราย ควบคุมดำเนินคดีไว้ที่ ตม.1 สวนพลู
ที่ กระทรวงการต่างประเทศ นายจักรกฤษณ์ ศรีวลี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กล่าวว่าดวงตราวีซ่าจำนวน 300 แผ่น หายไประหว่างเดือน ก.ย. 2555-ก.ค. 2556 อีกทั้งมีการเข้าไปแก้ไขข้อมูลด้านกงสุลด้วย ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศ ตรวจสอบพบความผิดปกติของการใช้ดวงตราวีซ่าดังกล่าว จำนวน 259 ราย มีบางส่วนเข้ามาและออกไปแล้ว กับอีกส่วนที่ยังอยู่ในเมืองไทย ส่วนที่เหลือพบจากการตรวจสอบของสถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศต่างๆ อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงฯทราบชื่อทั้งหมดแล้วว่าใครใช้ดวงตราวีซ่าที่หายไป แต่ไม่ยืนยันว่ารายชื่อที่ระบุในดวงตราวีซ่า จะตรงกับในหนังสือเดินทางหรือไม่
"ผู้ที่ลักลอบใช้ดวงตรา วีซ่าส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกา รองลงมาคือคนของประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ และเอเชียกลาง อย่างไรก็ตาม ถ้าเจ้าหน้าที่ตรวจพบผู้ที่ใช้ดวงตราวีซ่าดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะใช้ดุลยพินิจผลักดันออกนอกประเทศ และพิจารณาให้เป็นรายชื่อบุคคลต้องห้ามต่อไป" นายจักรกฤษณ์กล่าว
รอง อธิบดีกรมสารนิเทศ กล่าวอีกว่าให้ตัวแทนดำเนินการแจ้งความกับกองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ดำเนินคดีกับผู้ที่ลักลอบนำดวงตามวีซ่ามาใช้ผ่านการตรวจลงตรา ในข้อหาการออกเอกสารทางราชการให้กับคนต่างด้าวโดยไม่มีอำนาจ และเร่งสอบสวนหาตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีต่อไป ถ้าพบว่ามีเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศร่วมด้วย ต้องดำเนินการเอาผิดทางวินัย อย่างไรก็ตามเบื้องต้นลูกจ้างท้องถิ่นชาวมาเลเซียที่ทำงานในงานกงสุลที่สถาน เอกอัครราชทูตไทยฯ มีจำนวน 5 คน อยู่ในระหว่างการสอบสวนว่าทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้อหรือไม่
นาย จักรกฤษณ์กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้นาย สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ รับทราบเรื่องแล้วกำชับว่าให้นำคนผิดมาลงโทษให้ได้ และหาแนวทางป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เช่นเก็บดวงตราไว้ในเซฟ เหตุการณ์ลักษณะนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นหลังจากเปลี่ยนมาใช้ระบบ ดวงตราวีซ่าแล้วกว่า 10 ปี และในอนาคตกำลังพัฒนาระบบวีซ่าเป็นแบบ"อี-วีซ่า" ซึ่งเชื่อว่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามขณะนี้สถานเอก อัครราชทูตไทย ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ยังคงออกวีซ่าตามปกติ
ที่ ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสว่ามีเจ้าหน้าที่ไทยร่วมขบวนการขโมยดวงตราวีซ่าว่า กระทรวงการต่างประเทศต้องตรวจสอบว่าความบกพร่องเกิดขึ้นได้อย่างไรและใคร เป็นผู้ทำให้เกิดความบกพร่องดังกล่าว คงไม่ไปก้าวล่วง ส่วนปัญหาขบวนการก่อการร้าย เรามีมาตรการป้องกันอยู่แล้ว และมีขั้นตอนต่างๆ หลายชั้นในการตรวจสอบ
พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม. กล่าวว่าการตรวจสอบล่าสุดพบชาวต่างชาตินำวีซ่า ล็อตดังกล่าว เดินทางเข้าไทย 103 ราย ออกไปแล้ว 59 ราย เหลืออยู่ในประเทศอีก 44 ราย แบ่งเป็นชาวไนจีเรีย 26 ราย ชาวอินเดีย 6 ราย และประเทศอื่นๆ แถบเอเชียกลาง สตม.จัดชุดเฝ้าระวังติดตาม หากกลุ่มบุคลดังกล่าว หากใช้หนังสือเดินทางและวีซ่าทำธุรกรรม ก็สามารถทราบความเคลื่อนไหวและจับกุมได้ทันที รวมทั้งสั่งให้ตรวจตราด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ เพื่อป้องกันบุคคลกลุ่มนี้หลบหนีด้วย สำหรับกรณีที่มีข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ไทยมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ เนื่องจากเป็นความรับผิดชอบของกระทรวงการต่างประเทศ
"ส่วน การติดตามหญิงไทยต้องสงสัยทราบชื่อคือ"มาม่า" ที่ขายดวงตราวีซ่าดังกล่าวให้ชาวต่างชาติ จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่าอยู่แถวพัฒนาการนั้น ล่าสุดยังไม่พบเบาะแสแต่คาดว่ายังคงหลบหนีอยู่ในประเทศไทย" ผบช.สตม.กล่าว และว่าล่าสุดตำรวจได้ภาพสเก็ตช์ ส่งให้ตำรวจและด่านตม.ทั่วประเทศสกัดจับแล้ว