วันก่อนนั่งจัดๆห้อง ก็พบรูปที่ตัวเองถ่ายสมัยไปอยู่ญี่ปุ่นใหม่ๆ ตอนนั้นทุกอย่างมันใหม่มาก แปลกหูแปลกตาสำหรับเดี๊ยน ถ่ายรูปไว้เยอะมาก ถ่ายอาหาร ขนมเค้ก ตัวการ์ตูน ดอกซากุระ แมวข้างบ้านก็ยังถ่าย มีหมวดพิเศษอยู่หมวดหนึ่งซึ่งเกตุวดีจะตั้งชื่อว่าหมวด “เก๋” แปลว่า รูปที่ไอเดียเก๋กู๊ดของญี่ปุ่น น่าสนใจ
ซึ่งมันคงดูธรรมดามากในสายตาคนญี่ปุ่นนะ แต่สำหรับเรา เราว่ามันเท่ห์มาก เกตุวดีก็เลยมานั่งคิดว่า ในทางกลับกัน สิ่งที่ดูธรรมด๊าธรรมดาในสายตาคนไทย แต่คนญี่ปุ่นเขาชอบถ่ายรูปมีอะไรกันบ้างนะ
1. ถ่ายป้ายที่นั่งสำรอง
ญี่ปุ่นก็มีการจัด Priority Seat หรือที่นั่งสำรองให้กับคนป่วย เด็ก คนท้อง หรือคนชราค่ะ ทั้งในรถไฟ หรือรถเมล์ (ชิงกังเซ็นนี่ไม่เห็นแฮะ) ด้วยความที่คนญี่ปุ่นชอบหลับในรถไฟ เขากลัวว่าคนแก่ขึ้นมาแล้วคนที่นั่งอยู่จะหลับไม่รู้ ก็เลยจัดที่นั่งสำรองโดยเฉพาะไว้ให้เสียเลย (ตรรกะมั่วนิ่มของผู้เขียน)
ถ้าเบิ่งดีๆ จะพบว่ามันเป็นรูปของคนแก่ คนเจ็บ คนท้องนั่นเอง เป็นการบอกเป็นนัยๆว่า ก่อนจะนั่ง เบิ่งนิดนึง ที่นั่งพิเศษนะเว้ย เตือนแบบสุภาพๆสไตล์ญี่ปุ่นเขา กะเหรี่ยงไทยเวลาขึ้นรถไฟเที่ยวญี่ปุ่น ก็ระวังนิดนึงนะคะ อย่าไปแย่งที่นั่งคุณป้า คุณยายเขา เดี๋ยวเขาเขม่นเอา
ญี่ปุ่นเขาก็ทำลายกราฟฟิคที่นั่งสำรองน่ารักสดใสดี ทีนี้ พอคนญี่ปุ่นมาเมืองไทยบ้าง เขาก็รู้สึกว่าป้ายที่นั่งสำรองบุคคลพิเศษของเราเก๋ไก๋แปลกตามาก ลองนึกสิคะ บ้านเรา ใครกันหนอที่มีสิทธิ์นั่งที่นั่งสำรองพิเศษนี้ ...
สตรีมีครรภ์ .... ใช่
ผู้สูงอายุ ... ใช่
เด็ก .... ใช่
ผู้ทุพพลภาพ .... ก็ใช่อีก
มันก็เหมือนกับญี่ปุ่นทุกอย่าง
ยกเว้น ....
“พระสงฆ์” ค่ะ
บ้านเราจะมีรูปพระสงฆ์ติดอยู่ตรงป้ายบอกที่นั่งด้วย ซึ่งคนญี่ปุ่นเขา Amazing มว้ากกกกก บางคนก็ไม่เข้าใจว่ารูปคนโดนบากเป็นริ้วๆดังภาพข้างล่างหมายถึงใคร ทำไมถึงเป็นบุคคลพิเศษ
ตอนเกตุวดีอยู่ญี่ปุ่น ไม่เคยเห็นพระญี่ปุ่นขึ้นรถไฟหรือรถเมล์เลย และเขาก็ไม่ได้เคร่งเรื่องพระห้ามโดนผู้หญิงเป็นอันขาด ที่นั่งสำรองสำหรับพระญี่ปุ่นก็คงไม่จำเป็น อีกอย่าง เวลาพระท่านเดินทางไปไหน มักเห็นขี่สกู๊ตเตอร์เอง ช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง ไม่มีเด็กวัดหรือมัคทายกคอยบริการ
ที่ขำที่สุด คือ ตอนนั้น เกตุวดีไปนั่งสมาธิที่วัดเซ็นในเกียวโต เป็นคอร์สอบรมเบื้องต้นสำหรับผู้ปฏิบัติใหม่ 2 ชั่วโมง พอนั่งสมาธิเสร็จ พระท่านยกน้ำชาออกมา “บริการ” พวกเราค่ะ เพื่อนๆก็เฉยๆแต่เกตุวดีรู้สึกแย่มาก แถมพระท่านต้องเป็นฝ่ายเก็บถ้วยน้ำชาเราไปอีก ที่ญี่ปุ่น เขามองว่าพระก็เป็นอาชีพหนึ่งในสังคมเท่านั้นเองค่ะ
2. ถ่ายแท็กซี่
แท็กซี่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่สีดำ หรือไม่ก็สีขาวแล้วคาดแถบสีๆแทน วิธีที่จะรู้ว่าแท็กซี่คันนี้เป็นของบริษัทไหนก็ดูตรงป้ายที่ติดตรงหลังคา
สิ่งที่เดี๊ยนชอบมากคือ แท็กซี่ที่นี่ไม่มีการเซย์โนผู้โดยสาร โบกให้ไปที่ไหนก็ไป ไม่ค่อยปฏิเสธ ไม่มีการบอกว่าจะไปส่งรถ แถมแท็กซี่จะไปรอตรงสถานีรถไฟเป็นหลัก จอดรออย่างเป็นระเบียบเพราะเขาสร้างวงเวียนและที่จอดแท็กซี่ให้โดยเฉพาะ ลงจากรถไฟก็ขึ้นแท็กซี่ได้เลย ไม่ต้องยืนคอย แท็กซี่เองก็ไม่ต้องเสียเวลาขับหาผู้โดยสาร ไม่เปลืองพลังกายและค่าน้ำมัน รถคันอื่นๆก็ไม่ติดเวลาผู้โดยสารขึ้นแท็กซี่ ทุกอย่างดีหมดยกเว้นราคา (มิเตอร์สตาร์ทที่ 200 บาทค่ะ)
คนญี่ปุ่นที่มาเมืองไทยเขาจะตกใจมากว่า ทำไมแท็กซี่ไทยสีลูกกวาดขนาดนี้ แดงแปร๊ด ชมพูปร๊าด บางคันก็ Mix and Match สีเฉดเสมือนไม่เคยเรียนวิชาศิลปะมาเลย ฟ้าคาดแดง เหลืองคาดเขียว
คิดเอาเองว่า ที่แท็กซี่ไทยต้องสีสันฉูดฉาดขนาดนี้เพราะบ้านเรายังมีวัฒนธรรมการโบกแท็กซี่อยู่ ถ้าแท็กซี่สีพื้นๆเดี๋ยวคนโบกจะมองไม่เห็น เลยต้องทำสีสันกันจัดๆดึงดูดลูกค้า แต่ก็ดี ญี่ปุ่นเขาชอบค่ะ
3. ถ่ายหมานอน
หมาญี่ปุ่นร้อยละ 99.99 เป็นหมาที่คนเลี้ยงตามบ้าน ไม่มีหมาจรจัดหรือหมาที่เจ้าของปล่อยให้เดินเพ่นพ่านเหมือนอย่างบ้านเรา ถ้าเลี้ยงหมา คนเลี้ยงต้องเป็นฝ่ายจูงหมาไปเดินเอง ถ้ามันปลดทุกข์ เจ้าของก็ต้องถือถุงไปเก็บให้เรียบร้อย
พอคนญี่ปุ่นมาเที่ยวเมืองไทย เขาตกใจว่าทำไมหมาจรจัดถึงเยอะแบบนี้ (จริงๆ ปัจจุบันก็ลดลงเยอะมากแล้ว) นอกจากนี้ คนญี่ปุ่นพบว่า หมาไทยไม่ค่อยแอ๊คทีฟเหมือนหมาญี่ปุ่น ไม่ค่อยวิ่ง เดินช้า และชอบนอน
ขณะพาเพื่อนญี่ปุ่นเดินเที่ยว พอเขาเห็นหมานอนปุ๊บ เขานึกว่าหมาตายคาถนน แต่เข้าไปดูแล้ว จริงๆไม่ใช่ มันแค่นอน อากาศมันร้อนเหลือเกิน คนญี่ปุ่นเห็นน่ารักแปลกตาดีเลยชอบถ่ายรูปเก็บไว้ (ตัวอย่างด้านล่างจ้า)
4. ถ่ายโรนัลด์ แมคโดนัลด์
ที่พูดมาทั้งหมด คนญี่ปุ่นกรี๊ดถ่ายข้อนี้มากที่สุดค่ะ
เคยสังเกตไหมคะหุ่น “โรนัลด์ แมคโดนัลด์” ของไทยต่างจากหุ่นทั่วโลก เกตุวดีไม่เคยสังเกตจนกระทั่งเพื่อนคนญี่ปุ่นขอให้ถ่ายรูปให้
จริงๆแล้ว โรนัลด์ไทยมีเอกลักษณ์และรักษาวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างดี ถ้าคุณระเบียบรัตน์มาเห็นอาจให้เหรียญเกียรติคุณและยกย่องให้เป็นตัวอย่างที่ดีงามแก่เยาวชน เอกลักษณ์ที่ว่า คือ...การไหว้นั่นเอง
ตาลุงโรนัลด์ของไทยยิ่งโด่งดังขึ้นไปอีกเมื่อรายการโทรทัศน์สุดฮิตรายการหนึ่งของญี่ปุ่น ชื่อ “โทริเวีย (Trivia)” นำมาออกรายการ รายการนี้เป็นรายการที่รวมความรู้ “ไร้สาระ” แปลกๆทั้งในประเทศและต่างประเทศมานำเสนอ ผู้ร่วมรายการสามารถกดปุ่ม “โห!” ตามจำนวนครั้งของความประหลาดใจได้ ถ้ากดบ่อยๆ มันก็จะดัง “โห โห โห โห!” (ฮ่าๆๆ) ผู้เข้าร่วมรายการมีดารา นักแสดงมา 5 คน แต่ละคนจะมี 20 “โห” เรื่องไหนที่ท่านผู้ชมทางบ้านส่งเข้ามาแล้วได้ “โห” มากสุดก็ได้รางวัลพิเศษจากทางรายการไป
ลุงโรนัลด์ไทยคว้าไป 98 “โห” ค่ะ ติดท้อปทรีเรื่องที่ได้ “โห” มากสุดในปีนั้นค่ะ
สิ่งที่เราเห็นว่าธรรมดาๆ จริงๆแล้ว ไม่ใช่ว่ามันไม่พิเศษ ไม่ดี เพียงแต่ว่าเรา “เคยชิน” เท่านั้นเอง ครั้งนี้ เกตุวดีเลยลองใส่เลนส์สายตาคนญี่ปุ่นให้ผู้อ่านทุกท่าน เผื่อจะเห็นสิ่งเดิมๆในมุมมองที่แปลกใหม่และมีสีสันขึ้นค่ะ