1. เทคนิคการข้ามถนนใหญ่
ผู้ให้ข้อมูล : H. ซัง
อายุ : 35 ปี
ระยะเวลาที่อยู่เมืองไทย : 1 ปี 3 เดือน
ตามกฎจราจรของประเทศญี่ปุ่น คนขับรถยนต์ต้องให้ทางแก่คนข้ามถนนก่อน ไม่ว่าตอนนั้นไฟจะเขียว หรือกำลังเลี้ยว หรืออะไรก็ตาม สมมติว่ารถแล่นมาเร็วๆ แล้วเราเอาขาแหย่พื้นลงไปปุ๊บ เขาจะแตะเบรกให้เราปั๊บเลยค่ะ น่าประทับใจมาก
แต่ความปลอดภัยและความเคยชินกับกฎจราจรของคนญี่ปุ่นข้างต้น อาจเป็นภัยย้อนศรกลับมาทำอันตรายต่อคนญี่ปุ่นที่จะข้ามถนนในไทยค่ะ หากพี่แกจะแหย่ขาเดินข้ามถนนชิลๆ แบบญี่ปุ่นเมื่อไร อาจกลายเป็นโศกนาฏกรรมขึ้น การข้ามถนนบ้านเรานั้น เป็นกิจกรรมที่ Exciting มาก คุณจะรู้สึกประหนึ่งเป็นดาราหนังบู๊ฮ่องกง อารมณ์ “วิ่งสู้ฟัด” การข้ามถนนไทยต้องอาศัยทักษะหลายด้าน ใจต้องกล้า ตาต้องดู หูต้องฟัง ระวังจังหวะก้าวเดิน
พอดีที่ทำงานของ H. ซังอยู่อโศก เวลากลับบ้าน แกต้องเดินข้ามถนนอโศกมาขึ้นรถไฟใต้ดิน ตอนแรกๆ แกก็กะจังหวะไม่ถูก จะหาคนไทยที่จะเดินข้ามถนนไปด้วยกันก็ไม่มี ชักเท้าเข้าๆ ออกๆ อยู่นาน จนแกเกิดปัญญา...
“ผมเลยยกมือไหว้ขอทางรถครับ ไหว้ แล้วก็เดินข้าม ไหว้ แล้วก็เดินข้าม ไปทีละเลน รถทุกคันหยุดให้ด้วยครับ โล่งใจมากเลย”
ณ วันนี้ พี่แกก็ยังพยายามสรรหาเทคนิคใหม่ๆ ในการข้ามถนนตลอดเวลา
“ผมเห็นคนไทยชอบลุกให้คนแก่ คนพิการนั่งบนรถไฟฟ้า คราวหน้าเวลาข้ามถนน ผมจะลองเดินลากขาเป๋ๆ ดู เผื่อคนขับเขาจะสงสารผม และยอมให้ผมข้ามมั่ง”
ก็ฝากมาทางนี้ว่า...ใครเห็นหนุ่มตี๋ๆ ขาวๆ มีเคราแพะที่คาง กำลังพยายามเดินลากขาข้ามถนนแถวอโศก ก็ช่วยให้ๆ ทางพี่แกหน่อยนะคะ
2. เทคนิคการเอาชนะภัยหนาว
ผู้ให้ข้อมูล : N ซัง
อายุ : 21 ปี
ระยะเวลาที่อยู่เมืองไทย : 5 วัน
N ซัง เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน มาเรียนที่มหาลัยเมืองไทย 1 ปีค่ะ ผิวขาว หน้าใสกิ๊ง ตาสีน้ำตาล (เพราะใส่คอนแทคเลนส์สี) เซ็ทผมทรงโฮสท์ผสมหงอคง ... เอาเป็นว่าหน้าตาและรูปพรรณสัณฐานดีถึงดีมากก็แล้วกัน
เด็กหล่ออย่าง N ซังมีปัญหาอยู่หนึ่งอย่างที่ไม่กล้าบอกเพื่อนร่วมคลาส คือ แอร์ในห้องเรียนหนาวมาก ที่มหาลัยนั้น วิชาหนึ่งเรียนคาบละ 3 ชั่วโมง อุณหภูมิห้อง 20 องศา แม้ N ซังจะเป็นผู้ชายอกสามศอก แต่ก็แพ้ภัยแอร์มหาลัยจนหนาวสั่นอยู่ดี จะเอาเสื้อหนาวมาใส่รึก็ใช่ที่ เดี๋ยวดูไม่เท่ห์ (อันนี้ดิฉันวิเคราะห์เอาเอง...555) ช่วงพักเบรก ขณะที่เพื่อนๆ ทุกคนออกไปเข้าห้องน้ำหรือซื้อขนมนั้น N ซังเลยแอบปรับอุณหภูมิ จาก 20 ให้เป็น 26 องศา
ที่เล่ามา ยังไม่ใช่เทคนิคค่ะ เป็นแค่ทักษะการเอาตัวรอด (Survival Skill) เฉยๆ
หลังจากพักเบรก เพื่อนๆ และอาจารย์ก็เข้ามาในห้อง มีเพื่อนในห้องคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า “ร้อนจัง” N ซังก็ตกใจว่า งานเข้าตูแล้ว 26 องศามันร้อนตรงไหน บ้านฉัน (ญี่ปุ่น) เปิดกัน 28 องศา เท่านั้นไม่พอ อาจารย์ก็เสริมขึ้นมาอีกว่า “ร้อนจริงๆด้วย ใครดันมาปรับแอร์เนี่ย!” แล้วก็คว้ารีโมทปรับแอร์ไปที่ 18 องศา
หัวใจ N ซังหล่นไปถึงตาตุ่ม แต่เขาต้องใช้เทคนิคตีหน้าตายและสะกดจิตตัวเอง ตูไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับการปรับแอร์ ... ตูไม่หนาว ... ตูอยู่ในทะเลทราย
ทุกวันนี้ N ซัง ยังต้องหลบๆ ซ่อนๆ แอบขโมยรีโมทมายึดครอง แอบหามุมกดรีโมทเพื่อปรับอุณหภูมิ และตีหน้าตายเวลาคนอื่นบ่นว่าร้อนต่อไป เอาใจช่วยน้อง N กันค่ะ
3. เทคนิคการแยกสาวแท้กับสาวเทียม
ผู้ให้ข้อมูล : พี่นิฯ
อายุ : 49 ปี
ระยะเวลาที่อยู่เมืองไทย : 5 เดือน
พี่นิฯ เป็นชื่อที่คนในบริษัทนี้เรียกแก (ชื่อจริงขอไม่บอกนะคะ เดี๋ยวแกให้ล่ามแปล แล้วจะรู้ว่าดิฉันเอาแกมานินทา) พี่นิฯ ติดต่อทำธุรกิจกับบริษัทไทยมานานกว่า 10 ปี บินไปๆ มาๆ ไทย-ญี่ปุ่นกว่า 100 รอบ แต่เพิ่งมาประจำที่เมืองไทยได้ 5 เดือนค่ะ
ท่านสามารถพบพี่นิฯได้ย่านธนิยะ สีลม โดยเฉพาะคืนวันศุกร์ และตามสนามกอล์ฟทั่วไปในวันเสาร์-อาทิตย์ แกบอกว่า แกรู้ร้านเหล้าทะลุปรุโปร่ง และรู้ด้วยว่า ร้านไหนอะไรอร่อย ร้านไหนมาม่าซังสวย และที่เด็ดกว่านั้น แกบอกว่าแกสามารถแยกสาวแท้กับสาวเทียมออก
คติพี่นิฯ คือ ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดู “เท้า” ค่ะ ☺
สาวประเภทสอง อาจหน้าสวยเป๊ะ อาจมีเนินอกอวบอิ่ม อาจผ่าตัดลูกกระเดือกออก อาจผ่าตัดเปลี่ยนเสียงเหมือนผู้หญิงได้ แขนขาเรียวงามได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ปิดไม่ได้ คือ ขนาดเท้าค่ะ แกบอกว่า ให้ลองมองเท้าดู ถ้าเท้าใหญ่ผิดปกติ ก็ทำนายได้เลยว่า สาวงามที่นั่งหน้าคุณไม่ใช่สาวแท้แน่นอน กรณีที่มองไม่ค่อยถนัด พี่นิฯ เองจะแกล้งไปนั่งข้างๆ หรือยืนข้างๆ แล้วเทียบดูว่าเท้าสาวข้างๆ ใหญ่พอๆ กับตัวเองหรือเปล่าค่ะ... สาวไทยอย่างดิฉันยังคิดวิธีนี้ไม่ได้เลย ร้ายมาก พี่นิฯ
ใครมีเพื่อนร่วมงานหรือคนรู้จักเป็นคนญี่ปุ่น เอาสามเทคนิคเหล่านี้ไปแบ่งปันกันได้นะคะ ถือว่าเป็นวิทยาทาน ให้คนญี่ปุ่นสามารถอยู่รอดในสังคมไทยได้อย่างสันติสุขต่อไป