พระองค์เจ้าผ่องประไพ พระราชธิดาที่ถูกลืม

 

 

 

พระองค์เจ้าผ่องประไพ พระราชธิดาที่ถูกลืม

 

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าผ่องประไพ หรือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงผ่อง (19 ธันวาคม พ.ศ. 2410 - 1 มีนาคม พ.ศ. 2485) พระราชธิดาพระองค์แรกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนพินิตประชานาถ ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาหม่อมราชวงศ์แข พึ่งบุญ ซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยงในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

 

ในภาพ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าผ่องประไพ และรูปตำหนักที่ประทับของเจ้านายฝ่ายในแบบโบราณ

ทรงประทับอยู่ที่พระบรมมหาราชวังตลอดพระชนม์ชีพ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2485 พระชนมายุ 75 พรรษา

 

ยังมีพระเจ้าลูกเธออยู่พระองค์หนึ่งที่ไม่ว่าจะเปิดประวัติศาสตร์หน้าไหนๆก็ปราศจากการบันทึกเรื่องราวของพระองค์ไว้ ทั้งๆที่พระองค์เป็นพระราชธิดาองค์แรกของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่5 ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์นับได้ว่าเป็นพระราชธิดาเพียงองค์เดียวที่ทรงอาภัพนักอาศัยอยู่ในตำหนักเก่าๆค่อนข้าง ต่างจากตำหนักของน้องๆที่มีขนาดใหญ่โตหรูหรา มีเรื่องเล่ากันว่าพระองค์เป็นพระบรมวงศ์ศานุวงศ์เพียงพระองค์เดียวที่มิเคยได้ย่างก้าวออกจากประตูพระบรมมหาราชวังตั้งแต่วันประสูติจนถึงวันสิ้นพระชนม์เลย 


ต้นเหตุของการที่พระองค์ทรงเป็นพระราชธิดาที่อาภัพนั้น นับได้จากเมื่อครั้งที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่5 มีพระชนมายุประมาณ 15-16 พรรรษายังไม่ได้ขึ้นครองราช ก็ทรงมีหม่อมเข้าโดยไม่ได้มีการรู้เห็นจากพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่4 ซึ่งหม่อมท่านนี้ก็คือพี่เลี้ยงของพระองค์เอง นามว่า หม่อมราชวงศ์แข ไม่นานนักหม่อมราชวงศ์แขก็ได้ประสูติพระราชธิดา ซึ่งนับว่าเป็นพระราชธิดาพระองค์แรกของรัชกาลที่5

เหตุการครั้งนี้กล่าวว่า พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่4 ทรงกริ้วคุณแขอย่างมาก เพราะคุณแขทำให้เจ้าฟ้าชายประพฤติเกินวัยอันควร ครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ หม่อมราชวงศ์แขจึงได้ขึ้นเป็นเจ้าจอมมารดาแข ส่วนพระธิดาก็ได้รับการสถาปนายศขึ้นเป็น พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าผ่อง 

คราวหนึ่ง พระองค์เจ้าผ่องมีพระชนมายุ 6 พรรษา รัชกาลที่ ๕ ทรงลาผนวช ในวันที่เสด็จออกผนวชนั้นฝ่ายหน้าและฝ่ายในก็ต่างพากันมาหมอบคลาน ตามธรรมเนียมชาววัง แต่รัชกาลที่5 ทรงรับสั่งให้ทุกคนยืนเข้าเฝ้าได้ ดังนั้นบรรดาฝ่ายต่างๆ ก็ปฏิบัติตาม หากทว่า"พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าผ่องด้วยความที่เป็นเด็กที่ยึดมั่นกฎระเบียบตามโบราณชประเพณีจึงมิยอมยืนขึ้นยังคงหมอบกราบอยู่" รัชกาลที่5 ทรงกริ้วนัก ถึงกับเสด็จไปดึงพระเมาลี (จุกผม) ให้พระราชธิดายืนให้ได้ แต่พระองค์เจ้าผ่องก็มิทรงยืน เหตุนี้พระบิดาจึงไม่โปรดพระเจ้าลูกเธอพระองค์นี้มากนัก "ถึงแม้จะเป็นพระราชธิดาพระองค์แรกก็ตาม"

เป็นที่รู้กันอยู่ในพระบรมมหาราชวังว่าพระองค์เจ้าหญิงผ่อง มิได้เป็นที่สนิทเสน่หาของรัชกาลที่5 มากนัก เพราะพระองค์เจ้าผ่อง ทรงมีพระอุปนิสัยดื้อดึง ไม่ฉลาดนัก อีกทั้งมีพระโฉมไม่งามนัก พระบิดาจึงมิทรงโปรด เมื่อรัชกาลที่5 ทรงเสด็จไปที่ใด บรรดา พระราชโอรสและพระราชธิดาต่างๆ ก็ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้ตามเสด็จท่าน "แต่มีเพียงพระองค์เจ้าผ่องเพียงพระองค์เดียวที่มิเคยได้ตามเสด็จพระราชบิดาไป ณ สถานที่ไหนเลย" แม้คราวสร้างพระราชวังดุสิต บรรดาเจ้าจอมมารดา เจ้าฟ้า พระราชโอรส และพระราชธิดานั้น ต่างก็ได้รับพระราชทานตำหนักใหญ่น้อยอยู่ในพระราชวังดุสิต"แต่พระองค์เจ้าผ่องนั้นมิเคยได้รับพระราชทานตำหนักในพระราชวังดุสิต พระองค์ก็ยังคงประทับอยู่ในพระราชฐานชั้นใน ของพระบรมมหาราชวัง 


มีเรื่องราวให้พระองค์เจ้าผ่องได้ซึ้งมากๆอยู่ครั้งหนึ่งคือ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่5 มีหมายกำหนดการเสด็จจากสวนดุสิตเข้าเยี่ยมวังหลวง ชาววังต่างก็เตรียมการรับเสด็จกันอย่างดีใจ พระองค์เจ้าผ่องก็เช่นกันพระองค์ทรงทำ พัดจากขนนกขนาดใหญ่ เพื่อที่จะทูลเกล้าฯถวาย เมื่อถึงวันเสด็จพระราชดำเนิน พระเจ้าอยู่หัวก็ไดเสด็จไปตามลาดพระบาท ทักทายเจ้านายฝ่ายในโดยทั่วกัน เมื่อเสด็จถึงตรงที่พระองค์เจ้าหญิงผ่องหมอบรอเฝ้าอยู่ พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงหยุดทัก และ รับพัดขนนกไว้ พระองค์เจ้าหญิงผ่องกราบไปแทบพระบาทของพระเจ้าอยู่หัว พระเจ้าอยู่ก็ทรงรับสั่งถามว่า ลูกหญิงอยากได้อะไร พระองค์หญิงผ่องก็ทรงกราบทูลว่า "อยากได้ธำมรงค์(แหวน)เพคะ" สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงรับสั่งว่า "ได้แล้วพ่อจะให้" และพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้พระราชทานทานพระธำมรงค์ฝังเพชรชุดใหญ่งดงามมากๆแก่พระราชธิดาตาม พระประสงค์ พระองค์เจ่าหญิงผ่องทรงกราบอีกครั้ง น้ำพระเนตรคลอ เพราะในชีวิตของพระองค์ไม่ได้มีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดพระยุคบาทเหมือนน้องๆ พระองค์อื่นเลย แล้วรัชกาลที่5 ทรงถือพัดชนนกขึ้นมาพัดและเสด็จพระราชดำเนินต่อไป สร้างความปลาบปลื้มให้แก่พระองค์หญิงผ่อง และ เจ้านายพระองค์อื่นที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นเป็นอย่างมาก

พระองค์เป็นพระราชธิดาองค์โตสุดแต่ก็ถูกเรียกพระนามว่าเสด็จพระองค์ผ่อง แต่พระราชธิดาองค์รองถูกเรียกพระนามว่า เสด็จพระองค์ใหญ่

คุณเป็นคนมีน้ำใจ ขอบคุณที่กด Like.ให้ครับ

ที่มา:คลังประวัติศาสตร์ไทย

Credit: คลังประวัติศาสตร์ไทย
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...