ไล่สอบกันวุ่น "ดวงตราวีซ่า" เดินทางเข้าไทย หายล็อตใหญ่ เจ้าหน้าที่ตม.ตรวจเจอพิรุธที่ด่านมุกดาหาร หนุ่มแคเมอรูนมีวีซ่าเข้าราชอาณาจักร ออกโดยสถานทูตไทยในมาเลเซีย แต่กลับไม่เคยไปมาเลย์ สารภาพซื้อมา 3 หมื่น ก่อนตรวจสอบไปยังสถานทูต ยอมรับหายไป 300 แผ่น มีชาวต่างชาตินำไปใช้เข้าไทยแล้ว 259 แผ่น อีกทั้งมีบุคคลต้องห้ามเพียบ ทั้งจากอิหร่าน ไนจีเรีย ปากีฯ อินเดีย และชาติในเอเชียกลาง สอบพบโยงสาวไทยชื่อ "มาม่า" ย่านพัฒนาการ ขายใบละ 3 หมื่น แฉยังเหลืออีก 55 คนอยู่ในไทย สมช.ประสานขอข้อมูล หวั่นแก๊งก่อการร้ายข้ามชาติ
เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลา พ.ต.ต.ชุมพล บัวชุม สว.ตม.สงขลา พร้อมด้วย ร.ต.อ.ปฏิยุทธ ดำคง ร.ต.อ.สมชาย ปรักมาส ร.ต.อ.พงษ์ศิริ พิทักษ์ และ ร.ต.อ.หญิง จรรยา รอดเพชร รองสว.ตม.สงขลา ร่วมจับกุมนายแนเมก้า ซันเดย์ เอ็ดวิน อายุ 35 ปี ชาวไนจีเรีย พร้อมของกลางหนังสือเดินทางประเทศไนจีเรีย เลขที่ เอ 04495149 ขณะจะเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เนื่องจากตรวจสอบข้อมูลบุคคลต้องเฝ้าระวังพบว่า นายแนเมก้าเป็นบุคคลเฝ้าดูของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมประสานไปยัง พ.ต.ท.ธวัชชัย นรินรัตน์ สว.กก.1 บก.สส.สตม. ก่อนได้รับแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมว่า นายแนเมก้าเป็นบุคคลที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย พิจารณาแล้วเห็นว่าอยู่ในข่ายอาจเป็นภัยต่อความมั่นคง เนื่องจากได้รับการตรวจลงตรามาในทางที่ มิชอบ ตามหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศ เรื่องการตรวจพบความผิดปกติในการตรวจลงตราที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคง และเรื่องการปลอมแปลงแผ่นปะตรวจลงตรา โดยในหนังสือเดินทางของนายแนเมก้า หน้าที่ 6 พบแผ่นปะตรวจลงตราของสถานเอกอัครราชทูตดังกล่าว
จากการสอบสวนนายแนเมก้าให้การรับสารภาพว่า ได้รับการติดต่อจากตัวแทนในกรุงเทพฯ ให้เดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อขอรับการตรวจลงตรา เมื่อไปถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ จะมีตัวแทนอีกคนหนึ่งรับหนังสือเดินทางไปดำเนินการขอตรวจลงตราให้ โดยจ่ายเงินค่าดำเนินการ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 62,000 บาท จึงส่งตัวดำเนินคดีข้อหาใช้ดวงตรา รอยตรา หรือแผ่นปะตรวจลงตราที่ทำปลอมขึ้น
รายงานข่าวจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแจ้งด้วยว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตม. มุกดาหาร ก็จับกุมผู้ต้องหาชาวแคเมอรูนที่กระทำผิดในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว โดยเดินทางมาจากแขวงสะหวันนะเขต ประเทศลาว ตรวจพบหนังสือเดินทางมีวีซ่า ประทับดวงตราของราชอาณาจักรไทย ออกโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ จึงตรวจสอบย้อนกลับไปยังสถานทูตก็พบว่าเป็นดวงตราของจริง แต่มีพิรุธตรงที่บุคคลต่างชาติคนดังกล่าวไม่ได้เดินทางไปประเทศมาเลเซีย และเมื่อสอบสวนก็รับสารภาพว่าซื้อดวงตรามาใบละ 3,000 ริงกิต หรือประมาณ 30,000 บาท
ต่อมาฝ่ายสืบสวนสตม.ตรวจสอบทราบว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัม เปอร์ ได้รับแผ่นดวงตราราชอาณาจักรไทยไปจากกระทรวงการต่างประเทศทั้งสิ้น 3,000 แผ่น และมีจำนวน 300 แผ่น แยกเป็นหมายเลข เอ 4049901 - เอ 405000 จำนวน 100 ใบ หมายเลข เอ 4055501 - เอ 4056000 จำนวน 100 ใบ และหมายเลข เอ 5801901 - เอ 5802000 จำนวน 100 ใบ สูญหายไป แต่ต่อมาพบว่าในจำนวนดวงตราที่หายไป กลับมีผู้นำมาใช้ประทับในพาสปอร์ต เดินทางเข้าออกประเทศไทยจำนวน 259 ใบ
จากการตรวจสอบอย่างละเอียดยังพบอีกว่า ในจำนวน 259 ใบ ถูกนำมาใช้เดินทางเข้าออกประเทศไทย และในจำนวนดังกล่าวมีบุคคลต้องห้ามชาวอิหร่าน 35 ใบ ชาวแคเมอรูน 1 ใบ ชาวไนจีเรีย 20 ใบ ชาวปากีสถาน 4 ใบ ชาวอินเดีย 4 ใบ และอีกจำนวนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติในประเทศแถบเอเชียกลาง และจากการตรวจสอบล่าสุดทราบอีกว่า บุคคลต้องห้ามดังกล่าวที่ใช้ดวงตราประทับวีซ่าที่หายไป ยังอยู่ในประเทศไทย 55 คน
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า กลุ่มบุคคลต่างชาติต้องห้ามดังกล่าวไปซื้อดวงตราราชอาณาจักรไทยประทับวีซ่ามาจากผู้หญิงไทยชื่อ "มาม่า" อยู่ซอยพัฒนาการ 64 กรุงเทพฯ โดยนำเอาหนังสือเดินทางไปให้ พร้อมรูปถ่ายหน้าตรง 1 ใบ เงินสด 10,000 บาท จากนั้นราว 2-3 วันก็จะได้ตราประทับ และต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 20,000 บาท รวมเป็น 30,000 บาท นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนยังประสานยังสถานทูตไทยมาเลเซีย ต้นทางที่ดวงตราราชอาณาจักรไทยหาย ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการออกวีซ่าจำนวน 5 คน เป็นคนไทย 3 คน และมาเลเซียอีก 2 คน
ข่าวแจ้งด้วยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ด้านการข่าวของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ร่วมมาประสานข้อมูลกับสตม. พร้อมทั้งแจ้งว่าผู้ใช้หนังสือเดินทางเหล่านี้เข้าประเทศไทย เป็นบุคคลที่ทางการไทยเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันการก่อการร้ายข้ามชาติ และล่าสุดสตม.ตามจับมาได้แล้ว 9 คน จาก 55 คนที่คาดว่ายังอยู่ในประเทศไทย พร้อมทั้งแจ้งไปยังด่านตม.ทั่วประเทศให้เฝ้าระวังบุคคลต้องห้าม และผู้ที่ใช้ดวงตราประทับที่สูญหายไปดังกล่าวด้วย