สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมว่า วัดเส้าหลินของจีนต้องเผชิญสถานการณ์อื้อฉาว หลังมีการกล่าวหาว่า ฉี หยงซิน เจ้าสำนักฯถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์และเป็นพ่อของลูกหญิงจีนรายหนึ่ง และได้ซ่อนเงินในบัญชีเป็นจำนวนกว่า 2 พันล้านปอนด์(ราว 1 แสนล้านบาท)ในบัญชีลับ หลังจากที่เขาได้นำวัดเข้าสู่การทำธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ โดยวัดสามารถสร้างรายได้จากการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้คนนับล้านเดินทางมาดูพระโชว์แสดงวิชากังฟู และดำเนินธุรกิจสิ่งพิมพ์ต่างๆ
รายงานระบุว่า นายชี ซึ่งถูกเรียกขานด้วยสมญาว่า "ซีอีโอ กังฟู" ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินตั้งแต่ปี 1999 ก่อนที่วัดแห่งนี้จะสร้างปรากฏการณ์โด่งดังไปทั่วโลก สามารถสร้างรายได้จากการขายตั๋วชมโชว์สถานที่ของวัด ตกปีละ 15 ล้านปอนด์ หรือเฉลี่ย 100 หยวนต่อคน นอกจากนี้ เขายังเปิดสาขาย่อยวัดเส้าหลินในต่างแดน เช่น ในสหรัฐ, เวเนซุเอลา เพื่อทำธุรกิจขายวิชากังฟู ให้แก่ชาวต่างชาติ
ขณะที่พระวัดเส้าหลินก็ต้องเดินสายตระเวนโชว์ไปทั่วโลก รวมทั้งยังร่วมการแข่งขันชกมวยในลาสเวกัสด้วย ก่อนที่วัดเส้าหลินจะเข้าตลาดหุ้นในฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ โดยสามารถขายหุ้นที่เปิดขายต่อสาธารณะได้เป็นมูลค่ากวา 85 ล้านปอนด์ ขณะที่หลายฝ่ายโจมตีว่าวัดแห่งนี้ได้หมดบรรยากาศแห่งความเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์และจิตวิญญาณที่เข้มขลังไปแล้ว
นอกจากนี้ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้ใช้เว็บจีนยังได้เผยแพร่ภาพวัดเส้าหลินที่ใช้วิถีชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ กับวัดต้าเบ่ยที่เคร่งครัด โดยชาวบ้านได้แต่งกายอย่างสมถะ และปฏิเสธจะรับเงินจากผู้มาเยือน และในปี 2011 เจ้าสำนักฉีกลายเป็นข่าวอื้อฉาวหลังถูกจับภาพว่าเขาใช้บริการโสเภณี ซึ่งวัดได้ปฏิเสธ อ้างว่าวัดกำลังทำพิธีในสถานประกอบการทางเพศแห่งหนึ่งในช่วงที่ตำรวจบุกเข้าทลาย รวมทั้งข่าวมีการติดตั้งกล้องลับตามกำแพงวัด และมุ่งเป้าจับภาพเหล่าผู้หญิงที่กำลังหลับ
และในช่วงต้นเดือนนี้ หนังสือพิมพ์ตะวันตกฉบับหนึ่งอ้างว่า เจ้าอาวาสฉี มีเงินสั่งสมในบัญชีลับเป็นจำนวนกว่า 2 พันล้านปอนด์ และยังพ่อของลูกหญิงจีนรายหนึ่งที่กำลังศึกษาในเยอรมัน ขณะที่เจ้าหน้าที่วัดได้ปฎิเสธ อ้างว่าวัดกำลังถูกทำลายชื่อเสียงจากบุคคลทรงอิทธิพลที่ไม่พอใจต่อการเปิดขายหุ้นสาธารณะของวัดเส้าหลิน