อนุสรณ์แห่งความรัก เจ้าจอมสดับ ลดาวัล
เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ลดาวัลย์ (6 มีนาคม พ.ศ. 2433 - 3 มิถุนายน พ.ศ. 2526) เป็นเจ้าจอมคนรองสุดท้ายในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (เจ้าจอมคนสุดท้ายคือ เจ้าจอมแส บุนนาค) นอกจากนั้นท่านยังเป็นคนสุดท้ายที่ได้ร้องเพลง นางร้องไห้ และเจ้าจอมคนสุดท้ายของราชวงศ์จักรีที่ยังดำรงชีพและเสียชีวิตในยุคปัจจุบันนี้
ที่มั่นคงในความรัก. แล้วจะมีสักกี่รัก. ที่ยังรักอย่างมั่นคง
สัมผัสได้จากผู้หญิงคนนี้ เจ้าจอมสดับในรัชกาลที่ 5 เนื่องด้วยตลอดชีวิต 93 ปีของท่าน ไม่มีวันใดที่จะหยุดแสดงความเทิดทูนจงรักภักดีในฐานะภริยาและข้าของแผ่นดิน
หม่อมราชวงศ์สดับ เข้าถวายตัวในตำแหน่งของสนมในรัชกาลที่5ด้วยวัยเพียง16ปีเท่านั้นตลอดระยะเวลาในการเป็นข้าทูลละอองพระบาทนั้นปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื้อสัตย์ จงรักภักดีหาที่สุดไม่ได้ แม้ว่าท่านจะถูกกลั่นแกล้งใส่ร้ายป้ายสีไปต่างๆนาๆแต่ก็มิเคยปริปากเพ็จทูลสิ่งใดๆให้เป็นที่หนักพระราชหฤทัยของพระเจ้าอยู่หัว จึงทำให้ไม่สามารถมีสิ่งใดมาทำลายความรักที่ท่านมีต่อรัชกาลที่5ได้ นับได้ว่าท่านเป็นพระสนมที่พระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดมากในเวลานั้น เจ้าจอมสดับรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ด้วยความบริสุทธิ์ไม่เคยทูลขอพระราชทานทรัพสินมีค่า ท่านมีแต่ความเจียมตัวจนเป็นที่สนิทเสน่หา ถึงกับพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานสิ่งของมีค่าอยู่เนืองๆให้เสียเอง โดยเฉพาะ “กำไลมาศ” ของพระราชทานอันเป็นเครื่องแสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ยิ่งใหญ่
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าสวรรคต เจ้าจอมสดับมีอายุแค่เพียง20ปีเท่านั้น ท่านจึงตัดสินใจสละสมบัติของมีค่าทุกอย่างที่เคยได้รับพระราชทานให้แก่สมเด็จพระพันปีหลวง เพื่อไม่ให้เกิดการครหาว่าท่านจะนำสมบัติไปปรนเปรอชายอื่น เนื่องจากท่านในเวลานั้นก็เปรียบเหมือนแม่หม้ายสาวสวยทรงเครื่องสมบัติชุดใหญ่ ต่อมาท่านจึงตัดสินใจหลบหลีกความวุ่นวายในราชสำนักหาความสงบให้แก่จิตใจเขาบวชชีจำวัดอยู่ที่วัดเขาบางทรายจังหวัดชลบุรีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าอยู่หัวชายผู้เป็นที่รัก โดยมีกำไลมาศที่เหลือติดตัวของท่านไป ท่านได้ปฏิญาณตนอย่างแน่วแน่ว่าจะครองตนเป็นหม้ายโสดเพื่อรักษาเกียรติยศแห่งการเป็นพระสนมในรัชการที่5ตลอดชีวิต
จนเช้าตรู่วันพฤหัสบดีที่ 30 มิ.ย.26 ลูกหลานในตระกูลลดาวัลย์และคนไทยหลายคนต้องเศร้าเสียใจต่อการจากไปอย่างไม่ มีวันกลับของ เจ้าจอมสดับ ด้วยโรคชรา ในวัย 93 ปี ณ โรงพยาบาลศิริราช คุณดุ๊ก-ม.ล.พูนแสง ( ลดาวัลย์ ) สูตะบุตร หลานสาวที่เจ้าจอมสดับให้การดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ในวัยเยาว์ เล่าว่า เจ้าจอมสดับสวมกำไลมาศติดมือจนสิ้นลมหายใจ และคุณดุ๊กเป็นคนถอดกำไลข้อมือนั้นด้วยตัวเอง โดยเล่าถึงสภาพของกำไลมาศว่า “ถึง แม้ว่าคำกลอนที่จารึกไว้ในกำไลมาศจะลบเลือนไปตามกาลเวลา เพราะท่านสวมมาถึง 76 ปี แต่ พระปรมาภิไธย “จุฬาลงกรณ์ ป.ร.” ที่จารึกไว้ด้านในท้องกำไลยังคงเป็นรอยจารึกที่แจ่มชัดเช่นเดิมจนน่าประหลาด ใจมาก” จากนั้นคุณดุ๊กก็ได้นำกำไลมาศและของ พระราชทานอันมีคุณค่าทางจิตใจของเจ้าจอมทั้งหมด เพื่อถวายแด่พระบาทสมด็จพระเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลปัจจุบัน ซึ่งพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำของอันเป็นที่รักของเจ้าจอมสดับไว้ที่พระที่นั่งวิมานเมฆ ( ตรงห้องพระบรรทม ) เจ้าจอมสดับจึงเป็น “เจ้าจอมในรัชกาลที่ 5” คนสุดท้าย ที่มีชีวิตยาวนานมาถึง 5 แผ่นดิน และตลอดชีวิตของท่านได้แสดงถึงความซื่อสัตย์ จงรักภักดี ในฐานะภรรยาที่มีต่อสามี ในฐานะข้าในรัชกาลที่ 5และรัชกาลที่ 9 รวมถึงในฐานะข้าของแผ่นดิน.
นับเป็นความรักในราชสำนักที่ถูกจารึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ไทย
คุณเป็นคนมีน้ำใจ ขอบคุณที่กด Like.ให้ครับ