เอเอฟพีรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ลีเซียนลุง ของสิงคโปร์ มีแผนการที่จะสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ในสนามบินชางฮีขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก และรองรับการคงสถานะการเป็นศูนย์กลางทางการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

"มีการแข่งขันกันเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางทางการบินของสนามบินต่างๆ ในอาเซียน โดยเฉพาะสนามบินนานาชาติของมาเลเซีย และสนามบินสุวรรณภูมิของไทย ที่กำลังมีการขยายตัว  ดังนั้นคำถามก็คือว่าเรายังคงต้องการจะคงการเป็นศูนย์กลางทางการบินในภูมิภาคเอาไว้ต่อไปหรือไม่ หรือเราจะปล่อยให้คนอื่นแซงหน้าเราไป" ลีเซียงลุง กล่าวปาฐกถาในการแถลงนโยบายประจำปี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับโครงการก่อสร้าง และพัฒนาปรับปรุงสนามบินดังกล่าวคาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 12 ถึง 15 ปี  ซึ่งอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่จะมีชื่อว่า "T5" โดยจะไม่ใช่เพียงแต่จะถูกนำมาใช้เป็นเพียงอาคารสำหรับผู้โดยสาร แต่ยังทำหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นทุกอย่างของสนามบินอีกด้วย

นอกจากนี้ ในอาคารดังกล่าวจะมีการประดับตกแต่งให้สวยงาม และเต็มไปด้วยความหรูหรา โดยกำหนดไว้ในเบื้องต้นว่าจะทำให้อาคารผู้โดยสารดังกล่าวกลายเป็นสวนสาธารณะในสนามบิน

"แน่นอนว่า สนามบินชางฮี จะให้ทุกอย่างแก่คุณ ซึ่งจะประกอบไปด้วยสิ่งที่ดึงดูดและสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาพบเจอ เช่น น้ำตกที่อยู่ตรงกลางอาคารผู้โดยสาร" นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ กล่าว

ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลสิงคโปร์ ยังเตรียมที่จะเสริมศักยภาพของอาคารผู้โดยสาร 1 หรือ T1 ให้ดียิ่งขึ้น โดยเตรียมจะขยายพื้นที่ในฮอล และพื้นที่โหลดสัมภาระให้กว้างขวางขึ้น รวมไปถึงท่ารถจอดใบริการแท็กซี่  ซึ่งคาดว่าจะทำให้อาคารดังกล่าวสารมารถรองรับผู้โดยสารได้ 24 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันที่ 18 ล้านคน

ทั้งนี้ สนามบินชางฮี ของสิงคโปร์ ได้รับการจัดอันดับจากสกายแท็ก บริษัทที่ปรึกษาในอังกฤษ ให้เป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลกในปีนี้ โดยปัจจุบันสนามดังกล่าวมีอาคารผู้โดยสาร 3 แห่ง สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 66 ล้านคนต่อปี ส่วนในปี 2017 คาดว่าอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 4   หรือ T4 จะสร้างเสร็จและเปิดใช้งานในปีเดียวกัน ซึ่งจะรองรับผู้โดยาสารได้ 16 ล้านคน