จากกรณีความขัดแย้งภายในพรรครักประเทศไทย    ระหว่างนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย   กับ นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ และนายโปรดปราน โต๊ะราหนี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 2 และ 3   ที่ต่อมาทั้งสองคนได้ลาออกจากสมาชิกพรรค  และต่อมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ทำการไต่สวนวินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของนายชัยวัฒน์ และนายโปรดปราน ตามที่นายชูวิทย์  ส่งเรื่องการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคของบุคคลทั้งสองมาให้ กกต. เสนอเรื่องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการสิ้นสุดสมาชิกภาพ ตั้งแต่เมื่อต้นปี 2555  นั้น

เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.  วันที่ 19 สิงหาคม  2556  นายชูวิทย์ ได้โพสต์รูปภาพที่เป็นหนังสือแจ้งจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร  ที่ส่งโดยนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร    เรื่องติดตามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลาออกจากสมาชิกพรรครักประเทศไทย   โดยมีเนื้อหาแจ้งต่อนายชูวิทย์ ในฐานะหัวหน้าพรรครักประเทศไทย  ว่า  คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งคำวินิจฉัยสั่งการ กกต. และสำนวนการไต่สวนให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร และมีการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย การลาออกของ นายชัยวัฒน์ และนายโปรดปราน  ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2556 แล้ว

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ยังได้โพสต์ข้อความ กล่าวถึงกรณีดังกล่าว เนื้อหาดังนี้

จุดจบของงูเห่า

 เมื่อแรกเริ่มผมตั้งพรรครักประเทศไทย มี "อุดมการณ์" แรงกล้าที่จะแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ต่อมาเมื่อมีการเลือกตั้ง พรรคผมได้รับเลือก ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 4 คน ปรากฏว่ามี ส.ส. 2 คน "ทรยศ" ต่ออุดมการณ์ ทำตัวเป็น "งูเห่า" ภายในพรรค ไม่เคยประชุม ไม่เคยช่วยเหลือ จ้องแต่จะหาประโยชน์จากงบประมาณเมื่อได้เป็น ส.ส.

ผมเคยเห็นคนเข้าไปใน "คาสิโน" บ่อนการพนันต่างประเทศ ไม่ว่าที่ มาเก๊า หรือ ลาสเวกัส คนตั้งใจจะเข้าไปเที่ยวเล่น ไม่เคยคิดจะเล่นการพนัน แต่ภายในนั้นมีเงิน "ล่อตาล่อใจ" เป็นจำนวนมาก เลยเกิด "กิเลสตัณหา" อยากได้อยากมี สร้าง "อัตตา" ขึ้นมาในใจให้ยิ่งใหญ่ คิดว่าได้เงินมาง่ายๆ "เห็นกงจักรกลายเป็นดอกบัว" ความโลภมันสิงสถิตย์ คนที่ไม่เคยเล่นก็เลย "เสียคน" เมื่อเข้าบ่อนการพนัน

 ผมเคยเห็น "ผีพนัน" หมดเนื้อหมดตัว นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่หน้าบ่อน เขาไม่ให้เข้าเพราะเงินหมดแล้ว คนพวกนี้จึงได้แต่คิดแล้วคิดอีก ว่าถ้าเขาไม่เข้าไปในบ่อนการพนันวันนี้ ยังมีครอบครัว และมีอนาคตเหลืออยู่

 ส.ส.งูเห่าสองคนนี้คงเช่นกัน หากเขายังมี "อุดมการณ์" เหลืออยู่ อนาคตคงไม่ "ดับวูบ" แบบนี้

 คนเขาเปรียบเทียบพวก ส.ส. ในพรรค ที่ทรยศหักหลังหัวหน้าว่า "งูเห่า" เปรียบเสมือนในนิทานอีสป "ชาวนากับงูเห่า" งูเห่าไม่รู้จักบุญคุณของชาวนาผู้ให้ความอบอุ่นในคืนวันฝนตกหนาวเหน็บ

 นี่เป็นจุดจบของ "งูเห่า"

ก่อนหน้านี้ กกต.แจ้งว่า  นายชัยวัฒน์ ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครักประเทศไทย ฉบับลงวันที่ 11 มกราคม 2555 และนายโปรดปรานลงลายมือชื่อในหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครักประเทศไทย ฉบับลงวันที่ 10 มกราคม 2555 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554  โดยดำเนินการเรื่องดังกล่าว ณ ที่ทำการพรรครักประเทศไทย และยื่นต่อนายชูวิทย์ หัวหน้าพรรค ในวันเดียวกัน ทำให้ตามกฎหมายแล้วถือว่าเมื่อหนังสือลาออกของทั้ง 2 คนยื่นถึงนายทะเบียนสมาชิกพรรค การลาออกนั้นเป็นอันสมบูรณ์ ส่งผลให้สิ้นสุดสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 (7) ที่ กกต.ต้องยื่นต่อประธานสภา เพื่อส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามมาตรา 91

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2555  นายชัยวัฒน์  ซึ่งเป็นอดีตเลขาธิการพรรครักประเทศไทย ได้แจ้งความดำเนินคดี นายชูวิทย์ ในข้อหาหมิ่นประมาท กรณีเปิดแถลงข่าวที่พรรค กล่าวหาว่า นายชัยวัฒน์กับนายโปรดปราน ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ไปแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ และแจ้งความเท็จกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งคราวนั้น นายชัยวัฒน์ยืนยันว่า ไม่เคยไปเรียกรับผลประโยชน์ใดๆ เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ เพราะเป็นเพียง ส.ส.ฝ่ายค้านธรรมดา ไม่ได้เป็นกรรมาธิการงบประมาณ และไม่เคยยื่นใบลาออก หรือแสดงเจตนาว่าต้องการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครักประเทศไทยแต่อย่างใด เพราะรู้ว่าจะทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.จะมีแค่เพียงการยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค  

สำหรับพรรครักประเทศไทย  ก่อนหน้านี้ ได้จำนวนที่นั่ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ  หลังการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554   จำนวน 4 ที่นั่ง คือ