ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 20 สิงหาคม นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร สั่งการให้นายพูนสุข ทะแพงพันธ์ ปลัดอำเภองานป้องกันหัวหน้าชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติดและการกระทำผิดกฎหมาย จ.สกลนคร ประสานงานร่วมกับ ร.ต.อ.เรวัฒ จำปาน หน.ชุดเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดน 23 สกลนคร ร.ต.ต.ละม้าย สกลพิทักษ์ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดสกลนครและตำรวจปรามปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) เข้าตรวจสอบปราบปราบจับกุมการลักลอบเปิดโรงชำแหละเนื้อสุนัขส่งออก ภายหลังได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่เครือข่ายประชาชนต่อต้านการค้าสุนัขข้ามชาติ (Watchdog Thailand) เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามการค้าสุนัขข้ามชาติว่า ยังมีการลักลอบชำแหละสุนัขส่งออก ด้วยการใช้วิธีเปิดแหล่งชำแหละเคลื่อนที่เลี่ยงการจับกุม ในป่าเขตพื้น ต.ท่าแร่ อ.เมือง จ.สกลนคร จนกระทั่งมีการสืบสวนติดตามพบมีการเปิดโรงชำแหละสุนัขชั่วคราวขึ้น ในพื้นที่รอยต่อระหว่างบ้านพะโค ต.ท่าแร่ กับบ้านโคกสวาง ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.สกลนคร จนสามารถตรวจยึดสุนัขที่ทำการชำแหละแล้วประมาณ 50 ตัว โดยแยกกระดูก เนื้อ หนัง ออกจากกันรอการส่งออกขายสู่ตลาดในพื้นที่รายย่อย และส่งออกขายไปต่างจังหวัด บางตัวได้มีการเชือดด้วยของมีคม ก่อนถลกหนังออกแล้วนำมาขึงบนราว เพื่อทำการชำแหละเนื้ออย่างน่าอนาถ รวมยึดสุนัขของกลางที่รอดชีวิต 230 ตัว
นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจยึดสุนัขที่ถูกเชือดด้วยมีดบริเวณลำคอตายเกลื่อน รอการชำแหละอีกจำนวน 34 ตัว พร้อมยึดรถกระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บธ 4118 สกลนคร ภายในกระบะดัดแปลงติดตั้งกรงเหล็กเพื่อขังสุนัขที่ได้มาจากการตระเวนแลกซื้อ จำนวนทั้งสิ้น 200 ตัว ที่รอคิวชำแหละ รวมถึงมีสุนัขที่ขังไว้ในกรงเหล็กอีก 3 กรง กรงละประมาณ 10 ตัว ที่กำลังเตรียมการเชือดชำแหละ รวมถึงตรวจยึดกรงเหล็กเปล่าอีกจำนวน 9 กรง ส่วนแก๊งค้าสุนัขได้วิ่งหลบหนีเข้าป่าหลังเจ้าหน้าที่แสดงตัวเข้าตรวจสอบจับกุม เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดทั้งหมดเป็นของกลาง เพื่อรวบรวมเป็นหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจะได้ติดตามเจ้าของมาดำเนินคดีต่อไปและสุนัขของกลางที่ได้จากการตรวจยึด จะได้นำส่งไปดูแลเลี้ยงดูที่ด่านกักกันสัตว์นครพนม
ด้านตัวแทนเจ้าหน้าที่เครือข่ายประชาชนต่อต้านการค้าสุนัขข้ามชาติ (Watchdog Thailand) ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ได้มีการตรวจยึดสุนัขเหยื่อแก๊งค้าสุนัขข้ามชาติ ที่ลักลอบส่งไปตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาปลายเหตุ ดังนั้น จึงใช้มาตรการเข้าตรวจสอบจับกุมในแหล่งชำแหละ เพื่อเป็นการตัดวงจรการค้า แก้ปัญหาถาวร เพราะปัจจุบันยังพบว่าในพื้นที่ ต.ท่าแร่ ยังมีการลักลอบชำแหละสุนัขและทำธุรกิจแลกซื้อสุนัขส่งออกขายประเทศเพื่อนบ้านอยู่ จึงต้องเข้าไปตรวจสอบปราบปรามอย่างจริงจัง ส่วนรูปแบบการค้าจากการตรวจสอบพบว่ามี 2 รูปแบบคือ การส่งออกสุนัขไปขายเวียดนามเป็นตัว ที่ได้มาจากการซื้อ ประมาณตัวละ 50-100 บาท ตามขนาด ก่อนส่งออกไปขายถึงปลายทางประมาณ ตัวละ 3,000-4,000 บาท และอีกส่วนคือการรับซื้อมาชำแหละ แยกเนื้อไปทำเนื้อแดดเดียวส่งขายในประเทศ ประมาณกิโลกรัมละ 100-150 บาท หนังนำไปฟอกส่งโรงงาน ประมาณตัวละ 250-300 บาท ตามขนาด รวมสุนัข 1 ตัว มีมูลค่าประมาณ 1,000-1,500 บาท ซึ่งเป็นราคาในประเทศ แต่หากส่งไปขายเวียดนามมีราคาเพิ่มประมาณ 2-3 เท่าตัว พร้อมได้มีการจ้างแรงงานในการชำแหละตัวละประมาณ 15-20 บาท เบื้องต้นหลังจากมีการปราบปรามจับกุมต่อเนื่อง พบว่าขบวนการค้าสุนัขมีการชำแหละเนื้อสุนัขแช่แข็งออกไปขาย แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยม หากในอนาคตมีปัญหาขาดแคลนไม่พอต่อความต้องการของตลาดเวียดนาม อาจมีการแปรรูปส่งออก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ระบุอีกว่า หากมีการปราบปรามจับกุมควบคุมไม่ให้มีโรงชำแหละสุนัข เชื่อว่าจะสามารถตัดวงจรให้ปัญหาการค้าหมดไปแน่นอน เพราะการตรวจยึดปลายทางมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายดูแลของกลางในระยะยาว โดยที่ผ่านมาการปราบปรามยากมาก เพราะผลตอบแทนสูง ทำให้มีอิทธิพลมาเกี่ยวข้องและพบว่ามีผู้ค้าสุนัขบางกลุ่มที่กำลังพยายามจะปรับรูปแบบการค้า ด้วยการหาทางชำแหละแช่แข็งส่งไปขายเวียดนาม ที่จะต้องมีการเข้มงวดตรวจสอบเพิ่มขึ้น