คณะกรรมการกฎหมายเพื่อดูแลคดีอุบัติเหตุบนทางด่วนโทลเวย์ ศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับบริษัทนวกิจประกันภัยจำกัด และญาติผู้ได้รับผลกระทบ จากเหตุอุบัติเหตุบนทางด่วนดอนเมือง-โทลเวย์ เมื่อปี 2553 กรณีรถตู้รับส่งผู้โดยสารจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถูกรถยนต์ฮอนด้าซีวิค ที่มีผู้ขับขี่เป็นเยาวชน ขับรถเฉี่ยวชน จนเสียหลักพลิกคว่ำ เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 5 ราย

 

โดยบริษัทนวกิจประกันภัย จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้รายละ 6 แสนบาท รวมกับค่ารักษาพยาบาลและค่าทำศพ ที่จ่ายไปก่อนหน้านี้แล้วรายละ 3 แสนบาท รวมเป็นมูลค่าทั้งหมดจำนวนกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งคดีดังกล่าว ทางอาญามีการตัดสินลงโทษไปแล้ว โดยศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ได้ตัดสินจำคุก 2 ปี และให้รอลงอาญาจำเลยที่เป็นเยาวชนคนดังกล่าว แต่ทางครอบครัวจำเลยได้ยื่นขอสู้คดีในชั้นศาลอุธรณ์ต่อ

 

แต่เนื่องจากมีการตัดสินคดีในทางอาญาเบื้องต้นไปแล้ว ทางบริษัทนวกิจประกันภัย ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีแพ่ง ถูกฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทน จึงตัดสินใจจ่ายค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าว โดยไม่รอผลการดำเนินคดีอาญาให้ถึงที่สิ้นสุด โดยตัวแทนของบริษัท กล่าวว่าเพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม ในการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งทางญาติผู้เสียหายทั้งหมด ได้ถอนฟ้องบริษัทนวกิจประกันภัยและผู้รับประกันแล้ว

 

แต่ในส่วนของการฟ้องร้องคดีแพ่ง ที่เรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยซึ่งเป็นเยาวชน  บิดา-มารดาของเยาวชน  และบุคคลผู้ปล่อยปะละเลยให้เยาวชนขับขี่รถยนต์นั้น ทางคณะกรรมการดูแลคดีฯ ของศูนย์นิติศาสตร์และญาติผู้เสียหาย ยืนกรานว่าจะดำเนินการฟ้องร้องต่อไป ซึ่งในความคืบหน้าของคดี คาดว่าจะเสร็จสิ้นการสืบพยานภายในเดือนตุลาคมนี้

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหนึ่งในคณะกรรมการฯ ดูแลคดีฯ ของศูนย์นิติศาสตร์ กล่าวว่าคดีดังกล่าวมีความล่าช้าอย่างมาก เนื่องจากทางจำเลยได้ยื่นอุธรณ์ในคดีอาญา ทั้งๆ ที่ญาติผู้เสียหายทั้งหมด ต่างไม่ติดใจเรียกร้องการเอาโทษในทางอาญาแล้ว  จึงทำให้คดีอาญากำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการในชั้นอุธรณ์ และยังไม่อาจสรุปคดีแพ่งได้ ตนจึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายจำเลย ได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าวให้มากกว่านี้

 

นอกจากนี้ ทางคณะกรรมการดูแลคดีฯ ของศูนย์นิติศาสตร์และญาติผู้เสียหาย ยังขอขอบคุณบริษัทนวกิจประกันภัย ที่เห็นแก่มนุษยธรรมในการจ่ายเงินสินไหมทดแทนเพื่อการเยียวยาดังกล่าว โดยไม่ต้องรอให้คดีอาญาสิ้นสุดลง และยืนกรานว่าจะสู้คดีในส่วนที่เหลือต่อจำเลย ที่เป็นครอบครัวเยาวชนผู้ก่อเหตุดังกล่าวต่อไปจนถึงที่สุด เพื่อให้เป็นอุธาหรณ์ต่อสังคม มิให้มีการปล่อยปะละเลยเช่นนี้อีก