แอร์เอเชียเชิญ Travel MThai คลายเหงา กับฤกษ์งามยามดี 15 กุมภาพันธ์ วันปฐมฤกษ์เปิดเที่ยวบินใหม่ สายตรงกรุงเทพฯ-นครพนม ตอบรับความสะดวก เพิ่มความสบาย เชื่อมต่อเส้นทางข้ามลำน้ำโขง ผ่านสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 มุ่งสู่แขวงคำม่วน ประเทศลาว ได้ง่ายมั่กๆ
กับ 3 วัน 2 คืน ที่เรียกว่าอิ่มบุญจนล้น เริ่มจากนครพนม ต่อด้วยแขวงคำม่วน แล้วม้วนกลับมานครพนม ใช้ชีวิตบนเส้นทางเลียบลำน้ำโขง กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันตลอดทริป “ทริปแห่งการพนม(มือ)” หรือนี่จะคือที่มาของชื่อจังหวัด เพราะมีกันถึง 7 พระธาตุ เหมาะแก่การสงบจิต ใช้ชีวิตแบบวิถีไทยแท้
เริ่มวันแรก ทันทีที่เหยียบจังหวัดนครพนม นั่งรถลัดเลาะริมโขง คนไม่คุ้นที่อย่างเราคงตื่นเต้นกับทิวทัศน์ที่นานๆ จะมีโอกาสเห็น แต่เชื่อว่าชาวบ้านแถบนี้คงชินสายตากับภาพอีกฝั่งของประเทศเพื่อนบ้าน เพราะ “นครพนม” ถือเป็นเมืองนครแห่งดินแดนสองฝั่งแม่น้ำโขง มองไปก็เห็นลาว ลาวมองมาก็เห็นเรา จึงไม่น่าแปลกใจที่ “ลาว” กลายมาเป็นหนึ่งในชนเผ่าของจังหวัดนครพนม
โบราณสถานแห่งแรกที่เราได้สัมผัส คือ “พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม” หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า “จวนผู้ว่าฯ” เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ได้รับอิทธิพลรูปแบบการก่อสร้างมาจากฝรั่งเศสช่วงสมัยสงครามอินโดจีน มีอายุเกือบ 100 ปี เคยเป็นสถานที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี ใน พ.ศ. 2498 ภายในจัดแสดงเรื่องราวของจังหวัดนครพนมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมถึงประเพณีไหลเรือไฟหนึ่งเดียวของประเทศไทยด้วย
พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม
…………………………………………………….
ต่อด้วย “พระธาตุนคร” วัดมหาธาตุ ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลเมือง ริมถนนสุนทรวิจิตร เลียบเขื่อนหน้าเมืองนครพนม สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 1150 มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2465 โดยมีรูปแบบตามพระธาตุพนมองค์เดิม ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากอินเดีย และพระธาตุพระสีวลี พร้อมกับองค์พระพุทธรูปทองคำ เชื่อกันว่าผู้ที่มานมัสการ จะได้รับอานิสงฆ์เสริมบุญบารมี มีอำนาจวาสนา เป็นเจ้าคนนายคน โดยเฉพาะคนที่เกิดวันเสาร์ อยากขออะไรขอโลด เพราะเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนวันเสาร์ ^^
“พระธาตุนคร” วัดมหาธาตุ
…………………………………………………….
พักผ่อนนอนหลับเอาแรง ตื่น 7 โมง ในวันที่สอง โซ้ยก๋วยจั๊บญวณ หรือ ต้มเส้น (อาหารเวียดนามเนื่องจากเวียดนามเป็นหนึ่งในเชื้อสายของคนจังหวัดนครพนม) อิ่มแล้วก็มุ่งหน้าสู่สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 ณ จุดนี้ ถ้าเก็บกล้องได้เลยก็ดีนะฮะ เพราะเกิดเผลอไปถ่ายรูปเจ้าหน้าที่ หรืออุปกรณ์ เทคโนโลยี อะไรเข้า ติดคุกลาวสิบอกให้ อีกอย่างที่บอกให้ภูมิใจไว้ สะพานมิตรภาพแห่งนี้ เงินพี่ไทยล้วนๆ จ้า ปาเข้าไป 1,723 ล้านบาท ได้ลงสัมผัสปุ๊บ เชิญวิ่งเล่น เกลือกกลิ้งกันให้เต็มที่!!
สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน
ข้ามมาสู่ “แขวงคำม่วน” ประเทศลาว หรือแปลตามบ้านเราก็คือ “จังหวัดคำม่วน” แขวงบ้านเขาเท่ากับจังหวัด เมืองเท่ากับอำเภอ ข้อมูลประดับความรู้จากไกด์สาวลาว “เจ้านางน้อย” เธอชื่อ “น้อย” แต่พูดเพราะๆ แบบบ้านเธอ ก็ตามนั้น ประมาณว่าหลุดออกมาจากละครเรื่องใดนะ!? ลาวมีประวัติศาสตร์น่ารักๆ แบบให้เรายิ้ม แต่บางอย่างก็เล่าออกอากาศไม่ได้ บอกให้ฟังขำๆ กันพอได้อรรถรส ลาวเชื่อว่ายักษ์ตนหนึ่งเป็นผู้สร้างลำน้ำโขง และ “ยักษ์” บ้านเขาเรียกว่า “บักสะลึกคึ่ก” ฮ่าๆๆ ฟังดูใหญ่จริงๆ
ฟังเธอคนนี้พูดได้ไม่มีเบื่อ ภาษาลาวน่ารักมาก ด้วยสำเนียง กิริยา มันเสนาะหูแบบเพลินได้ทั้งวัน ฝากศัพท์มาให้ฮาเล่น ไฟจราจรบ้านพี่เค้า ไฟเขียว = ไฟเสรี ไฟแดง = ไฟอำนาจ ไฟเหลือง = ไฟลังเล น่ารักเนาะ!!
…………………………………………………….
พ้นสะพานมาได้ซักแป๊บเราก็มาถึง “ถ้ำแม่พระมาลีอาแห่งเมืองลูก” ถ้าดูตามภูมิศาสตร์จริงๆ ก็ไม่เชิงว่าเป็นถ้ำ แต่เป็นทางเข้าไปในป่าไม่ไกลจากฝั่งถนนมาก ก็จะเจอผาหินขนาดใหญ่ที่เกิดจากเปลือกโลกเคลื่อนตัว แต่ที่ว่าแปลกคือส่วนบนสุดของผามันเรียบมาก เหมือนมีเครื่องตัดฉาบให้เรียบ เป็นที่อัศจรรย์ใจว่านี่หรือที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ และสถานที่นี่ได้กลายเป็นที่สอนศาสนาคริสต์ให้พลเมืองลาว จะเห็นว่ามีเก้าอี้วางเรียงอยู่ข้างหน้าผาสูง บริเวณนี้ใครไม่ชอบผจญภัยแนะนำให้กลับทางเดิม ใครชอบโลดโผน ปีนขึ้นผาไปโลด รอดรูเล็ก รูน้อย หาทางฝ่าดงออกสู่ถนน สนุกมาก!!
ถ้ำแม่พระมาลีอาแห่งเมืองลูก
…………………………………………………….
นั่งรถลัดเลาะผ่านบ้านเมืองเขา ดูๆ ไป ก็คล้ายบ้านเรา ถ้าไม่มีป้าย “ภาษาลาว” คงแยกกันไม่ออก เพลินๆ กันจนมาถึงสถานที่หนึ่ง ที่ทำเราอิึ้งบวกยิ้ม “Duty Free” ตอนแรกที่รู้ว่าไกด์จะพาเราไป ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร แค่คิดว่าจะซื้ออะไรดีนะ นู่นนี่นั่น แต่ความคิดก็พลันหยุดลง เพราะตรงหน้าคือ “ร้านขายของชำ” ทุกคนมองหน้ากันขำๆ อืม น่ารักๆ “Duty Free ก็ Duty Free” บางทีความเรียบง่ายของ “แขวงคำม่วน” นี่แหละ ที่เป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์ให้เราประทับใจ
Duty Free แขวงคำม่วน
บ้านฉันอยู่ฝั่งกระโน้น!!
“สกายแล็ป” หน้าตาเหมือนฝั่งนครพนมบ้านเรา
“ป้ายรอรถโดยสาร” โฆษณาอ่านว่าอย่างไร แกะกันเอาเอง !!
โรงพยาบาล แอนด์ ตู้เอทีเอ็ม
…………………………………………………….
มาถึง “พระธาตุศรีโคดตะบอง” ปูชนียสถานเก่าแก่ของ “แขวงคำม่วน” ถ้าจะเรียกว่ามาให้ถึงต้องมาเยือนที่นี่ เพื่อมัสการพระธาตุศรีโคดตะบอง อยากขออะไรขอ ยกเว้นเรื่องความรัก เพราะเล่ากันว่าพระยาศรีโคดตะบองทรงผิดหวังในเรื่องความรักและสิ้นชีวิตลงด้วยสาเหตุนี้ ส่วนใหญ่ชาวบ้านที่นี่มักจะมาบนบานเรื่องของหาย และมอเตอร์ไซค์หายนั้นฮิตเหลือเกิน (สงสัยเด็กแว๊นจะเยอะ -___-!)
พระธาตุศรีโคดตะบอง
…………………………………………………….
ต่อที่ “ตลาดหลักสาม” บรรยากาศก็ประมาณสวนจตุจักรบ้านเรา เน้นขายเครื่องเงิน ใครชอบแนวนี้มาที่นี่ไม่ผิดหวัง แอบกระซิบถามพี่ที่ไปด้วยกันว่า “เงินแท้” หรือเปล่าพี่!? เขาตอบกลับมาแบบหายสงสัย “เงินแท้..ที่เราจ่ายเขาไปน่ะ” แต่เที่เขาขายเรามาก็หวังว่าจะเป็น “เงินแท้” ฮ่าๆๆ แม่ค้าจะมีค้อนมั้ย ก็แซวกันไป จริงๆ