"กลุ่มสตรีนิยมตะวันตกลุกขึ้นไว้ขนรักแร้ เพื่อการกุศล"


กลุ่มสตรีนิยมตะวันตกลุกขึ้นมาไว้ขนรักแร้ เพื่อดำเนินกิจกรรม อาร์มพิทส์ฟอร์ออกัสต์ (Armpits4August) ระดมเงินทุนหนุนผู้ป่วยโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ และสร้างความเข้าใจต่อสาธารณะ

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2556 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ มีรายงานว่า กลุ่มสตรีนิยมชาวตะวันตกลุกขึ้นมาสนับสนุนการไว้เส้นขนบนส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อดำเนินกิจกรรม อาร์มพิทส์ฟอร์ออกัสต์ (Armpits4August) ซึ่งเป็นโครงการการกุศลเพื่อระดมเงินบริจาคและสร้างความตระหนักต่อโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบให้แก่สาธารณชน โดยได้รับแรงบัลดาลใจมาจากกิจกรรม โมเว็มเบอร์ (Movember) ซึ่งสนับสนุนให้ผู้ชายไว้หนวดเคราตลอดเดือนพฤศจิกายน เพื่อระดมเงินบริจาคให้แก่กองทุนโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

สำหรับโครงการดังกล่าวนี้ มีการสนับสนุนให้ผู้หญิงทั้งหลายโยนมีดโกนทิ้งไป และไว้ขนตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้งอกยาวตามธรรมชาติตลอดเดือนสิงหาคมนี้ ก่อนจะช่วยกันระดมเงินบริจาคจากเพื่อน ๆ และครอบครัว มาช่วยเหลือกลุ่มสตรีที่ทุกข์ทรมานจากโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ ซึ่งอาการของโรคจะมีส่วนทำให้ผู้ป่วยมีการเจริญเติบโตของเส้นขนเกินกว่าปกติ 

และนั่น ทำให้ผู้จักตั้งโครงการเลือกการไว้ขนต่างส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงขนรักแร้ มาเป็นสัญลักษณ์ของโครงการ เพื่อบอกว่าโลกว่าพวกเธอจะทำงานไปพร้อมกับความภาคภูมิใจในเส้นขนต่าง ๆ บนร่างกายของเธอเอง อีกทั้งพวกเธอยังหวังว่าหากมีผู้หญิงเข้ามาร่วมโครงการมากพอ พวกเธอจะสามารถเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเส้นขนบนตัวของผู้หญิงได้ด้วย เพราะในโลกตะวันออก การที่ผู้หญิงจะไว้ขนบนร่างการนั้นนับเป็นเรื่องประหลาดอย่างมาก

ด้าน ทาช่า สเกอร์แมน เกรย์ วัย 25 ปี 1 ในผู้จัดกิจกรรม ออกมาเผยต่อสื่อว่า เธอไม่ได้โกนเส้นขนบนร่างกายมานานกว่า 4 ปีแล้ว และยังภูมิใจที่จะโชว์ขนรักแร้ของเธอให้ทุกคนดูผ่านสื่ออีกด้วย โดยเธอเล่าว่าในตอนที่เธอตัดสินใจหยุดโกนเส้นขนนั้น ช่วงแรกมันน่าอายมาก เพราะเธอไม่เคยเห็นเส้นขนบนร่างกายตัวเองมาก่อน และเธอยังกังวลว่าคนรอบข้างจะมองมา กังวลว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร แต่ท้ายที่สุดก็เธอคิดได้ว่าไม่เป็นไร เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเธอเอง อีกทั้งปฏิกิริยาจากคนรอบข้างก็ไม่เลวร้ายอย่างที่คิดด้วย เธอภูมิใจกับมันมาก

นอกจากนี้ ทาช่า ยังเล่าว่า สำหรับโครงการอาร์มพิทส์ฟอร์ออกัสต์นั้น ได้รับทั้งแรงสนับสนุนและปฏิกิริยาที่ไม่ค่อยดีนัก โดยในระหว่างที่พวกเธอออกไปทำกิจกรรมตามที่ต่าง ๆ นั้น มีทั้งผู้หญิงที่เดินผ่านพวกเธอไปแล้วอาเจียน และมีทั้งหญิงคนหนึ่งที่เดินมาบอกกับพวกเธอว่าตัวเองก็เป็นโรคดังกล่าว ซึ่งการมีเส้นขนบนร่างกายนั้นเป็นเรื่องที่อ่อนไหวจริง ๆ