"อัมสเตอร์ดัม" นครหลวงแห่งเนเธอร์แลนด์ ชื่อมีที่มาจาก แม่น้ำอัมสเทล เพราะประเทศเป็นเมืองลุ่มน้ำเมื่อมีการสร้างเขื่อนกั้นกันแม่น้ำอัมสเทล เมืองนี้จึงได้ชื่อว่า "อัมสเทลรีเดมม์-ดัม โอเวอร์ อัมสเทล" เรียกไปเรียกมาหดลงเหลือแค่ อัมสเตอร์ดัม ในที่สุด
เมืองหลวงแห่งนี้คล้ายกรุงเทพฯ ตรงที่มีความหลากหลาย มีทั้งสถานที่ประวัติศาสตร์ โบสถ์ วิหาร ทั้งมีย่านโคมแดงที่โด่งดัง (กระฉ่อน) ไปทั่วโลก
หากตรงไปใจกลางเมืองจะพบกับ "จัตุรัสดัมสแควร์" เต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรม ฮอลแลนด์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
เขื่อนแห่งแรกของเมืองสร้างขึ้นที่จัตุรัสดัมสแควร์ ราวปีพ.ศ.1743 ปัจจุบันเป็นสถานที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง
ด้านหน้ามี "พระราชวังหลวง" ตั้งตระหง่าน เตะตาด้วยสถาปัตยกรรมสมัยนีโอคลาสสิค จากคริสต์ศตวรรษที่ 17 โดย เจ.ฟาน แคมเปน เมื่อปีพ.ศ.2191 แต่แล้วเสร็จในปีพ.ศ.2198 หรืออีก 7 ปี ต่อมา ราคาสร้างเมื่อ 365 ปีที่แล้ว ราว 24 ล้านบาท
ในอดีตเมื่อครั้งฝรั่งเศสครอบครองฮอลแลนด์ พระเจ้าหลุยส์ โบนาปาร์ต พระอนุชาใน จักรพรรดินโปเลียนแห่งฝรั่งเศส ทรงเปลี่ยน แปลงศาลาว่าการแห่งนี้ให้เป็นพระราชวังของพระองค์ ภายนอก ดูขึงขังอลังการใหญ่โต แต่ภายในตกแต่งอ่อนช้อยน่าดู ขึ้นชื่อเป็นหนึ่งในพระราชวังที่สวยงามที่สุดของยุโรป มีโคมไฟระย้าและนาฬิกางดงามหลายเรือนประดับไว้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีเสกสมรสระหว่างมกุฎราช กุมารีเบียทริกซ์ (อดีตราชินีผู้เป็นพระราชมารดาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน) กับเจ้าชายเคลาส์ เมื่อ ปีพ.ศ.2509 ด้วย
พระราชวังสร้างบนแกนเสาไม้ท่อนหนากว่า 13,659 ท่อน ตัวอาคารหน้ากว้างกว่า 80 เมตร ลึก 60 เมตร มีซุ้มหลังคาทรงโค้งเป็นหอระฆังอยู่ด้านบน ส่วนไฮไลต์อยู่ที่ห้อง "ซิตีเซน ฮอลล์" ซึ่งได้รับอิทธิพลจากสภาที่ประชุมสมัยโรม พื้นปูด้วยหินอ่อน มีแผนที่ซีกโลกตะวันตกและออกฝังอยู่ที่พื้นตรงกลางห้อง ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม และใช้ประกอบพระราชพิธีสำคัญบ้างเป็น บางครั้ง
อีกมุมถนนจากจัตุรัส เป็น "มหาวิหารนิวเชิร์ช" หรือ "นิวเวอร์ แคร์ก" โบสถ์ใหม่แต่อายุอานามปาเข้าไปกว่า 600 ปี สร้างขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 15 ใช้ประกอบพิธีสำคัญต่างๆ ของราชวงศ์ ล่าสุด เพิ่งมีพระราชพิธีราชาภิเษกสมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ ไปเมื่อเดือนมิ.ย.
นิวเวอร์ แคร์ก สร้างขึ้นหลังจาก "โอเด แคร์ก" หรือโบสถ์เก่าสร้างเมื่อศตวรรษที่ 14 แต่เพราะขนาดเล็กเกินกว่าจะขยับขยาย เลยต้องไปสร้างมหาวิหารโบสถ์ใหม่แทน ตั้งอยู่ในตรอกข้างคลองย่าน โคมแดง มีลักษณะเป็นอาคารหลังคาสามเหลี่ยมซ้อนกัน ดูละม้ายคล้ายบ้านชาวดัตช์มากกว่าโบสถ์
เต็มอิ่มกับประวัติศาสตร์อัมสเตอร์ดัมไปแล้ว ได้ฤกษ์ท่องราตรีย่านโคมแดง รู้จักกันดีในชื่อ "เด วอลเล็ตเจส"
ตั้งอยู่ทางตะวันออกของจัตุรัสดัมสแควร์ โดยที่ทำการ "นางงามในตู้กระจก" จะเรียงรายไปตามอาคารบ้านเรือน แทรกกันเป็นระยะๆ ไม่ได้มีแบ่งโซนชัดเจน แต่มีร้านหนึ่งสะดุดตาเป็นพิเศษ เพราะอยู่ติดกับโอเด แคร์ก ประชันหน้าขายเซอร์วิสสยิวกันข้างๆ โบสถ์
ที่ทำอย่างนี้ได้เพราะอาชีพ "โสเภณี" ในเนเธอร์แลนด์ จัดระบบทำเป็นเรื่องถูกต้องผู้ค้าต้องเสียภาษีเข้ารัฐ รัฐก็ให้ความรู้เรื่องการป้องกัน และส่งทีมแพทย์ตรวจสุขภาพสินค้าการันตีว่าปลอดภัยไร้โรคติดต่อ
การค้าบริการทางเพศในอัมสเตอร์ดัมขึ้นทะเบียนถูกกฎหมายมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2373 หรือกว่า 180 ปีก่อนโน้น โดยเน้นป้องกันสวัสดิภาพหญิงค้าบริการ มีลายลักษณ์อักษรระบุชัดเจนว่า ห้ามล่วงละเมิดสิทธิ์ หรือ เอาเปรียบหญิงโคมแดง
ต่อมาในปีพ.ศ.2531 โสเภณีจึงกลายเป็นที่ยอมรับในฐานะอาชีพหนึ่งของสังคม เหล่าแมงดาคุมวินขายบริการ หากจะเปิดธุรกิจต้องขอใบอนุญาต และใบประกาศทำการค้า ส่วนหญิงที่ทำธุรกิจเอง ต้องยื่นใบเสียภาษีเงินได้ ขณะที่สาว นักเต้นเปลือย หรือ เต้นรูดเสา ต้องคิด ภาษีมูลค่าเพิ่ม 19 เปอร์เซ็นต์บวกกับราคาที่ชาร์จจากลูกค้าในแต่ละครั้ง
นอกจากรัฐจะดูแลอย่างทั่วถึงแล้ว ยังมีสารพัดองค์กรเอกชนร่วมทำงานควบคู่ไปกับธุรกิจโคมแดง ไม่ว่าจะกลุ่ม เดอะ เรด เธร็ด ศูนย์ข้อมูลโสเภณี (PIC) และ มูลนิธิเอม็อก แอนด์ เรนโบว์
ดังนั้นหากใครสนใจอยากทัวร์พร้อมข้อมูลน่ารู้ ติดต่อที่ศูนย์ พีไอซีได้โดยตรง มีบริการ นำเที่ยวไปตามตรอก ซอกซอยเพื่อดูวิถีชีวิตสาว (และหนุ่ม) กลางคืน
ส่วนใครที่อยากรู้ว่าเป็นโสเภณีจะรู้สึกอย่าง ไร เขามีบริการเวิร์กช็อปให้ลองยืนหลังตู้กระจก พร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก แต่แพงหน่อยราว 2,600 บาท
สำหรับหนุ่มๆ ที่อยาก ดื่มด่ำไปกับสาวงามอัมสเตอร์ดัม ก็แค่เดิน ดูตามตู้กระจก พบสาวคนไหนถูกใจ เคาะถามราคากันได้ ตกครั้งละ 2,000 กว่าบาท ใช้เวลาได้ไม่เกิน 20 นาที ตู้ไหนอยู่ระหว่างบริการ ม่านสีแดงกำมะหยี่จะปิดลงบอกเป็นนัยให้รู้ว่ามีกิจธุระห้ามรบกวน
สาวๆ ที่ให้บริการมีรูปโฉมหลากหลาย ตั้งแต่คุณภาพนางแบบเหมือนหลุดจากแคตวอล์ก สาวแบ๊วๆ จากเอเชีย สาวก็อธดุดัน ฯลฯ
ใครไม่ใคร่เที่ยวหญิงบริการ แนะนำให้ไป "เซ็กซ์มิว เซียม" หรือ "วีนัสเทมเพล" แหล่งรวบ รวมเรื่องเพศในงานศิลปะ ทั้งภาพวาด และรูปปั้น ตั้งอยู่ในตึกเก่าจากศตวรรษ ที่ 17 บนถนนดัมรัก ค่าเข้าไม่แพง คนละ 280 บาท
อีกที่ต้องไปเยือน คือ "อนุสาวรีย์สาวโคมแดง" รูปปั้นสำริดสาวร่างเล็กในท่ายืนรอลูกค้าหน้า ตู้กระจก แม้จะเป็นเพียงรูปปั้น แต่กลับให้แง่คิดสะกิดใจ เพราะไม่ว่าใครก็รักชีวิตตัวเอง หากมีทางเลือกที่ดีกว่า ใครล่ะจะอยากขายตัว แต่เมื่อมีดีมานด์ ซัพพลายก็เกิด
สิ่งที่สังคมควรทำคืออยู่อย่างเข้าใจ ไม่ใช่รังเกียจ และเลือกปฏิบัติเหมือนเป็นพลเมืองชั้นสอง