10 อันดับ สุดยอดสิ่งมหัศจรรย์ ที่ถูก (คน) ลืม

 

 

 

 

 

10 อันดับ สุดยอดสิ่งมหัศจรรย์ ที่ถูก (คน) ลืม


 

10. Banaue Rice Terraces

 


บันไดข้าวที่บานาเวนั้น เป็นการเกาะสลักภูเขาทั้งลูกในการอยู่ในจังหวัดอีฟูเกา ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อใช้ในการปลูกข้าว จากประวัตินั้นมันมีอายุกว่าพันปี สมัยก่อนนั้นการทำนาจะต้องใช้พื้นที่ราบ หากแต่พื้นที่ภูมิประเทศนี้เต็มไปด้วยเขาสูงมีที่ราบ น้อย น้ำและเนื้อที่ในการทำการเกษตรจึงเป็นปัญหา

ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน จึงได้คิดวิธีทำนาแบบขั้นบันไดขึ้นตามไหล่เขา โดยสกัดไหล่เขาให้เป็นชั้น ๆ ลดหลั่นลงมาเป็นขั้นบันได เพื่อ ช่วยเพิ่มเนื้อที่ในการเพาะปลูก เป็นการรักษาหน้าดินไม่ให้ถูกชะล้างไป

อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำทั้งในแง่การชลประทานโดยการเก็บกักน้ำฝน และยังช่วยป้องกันน้ำท่วมอีกด้วย โดยนาข้าวที่บานาเวนั้นเป็นภูเขาสูงอยู่เหนือน้ำทะเล 5,000 ฟุต นาข้าวแต่ละแห่งมีเนื้อที่ 10,360 ตารางกิโลเมตร และในปี ค.ศ.1985 องค์การยูเนสโกได้จัดสถานที่นี้เป็นมรดกของโลก 



 

9. Sigiriya

 


คีริยา เป็นเมืองใหญ่โบราณมหึมาของศรีลังกา สร้างขึ้นโดยพระเจ้ากัสสัปปะ ประมาณ ค.ศ. 470 โดย พระองค์ได้สร้างเมืองนี้ขึ้นอยากให้มันเป็นโลกศักดิ์ สิทธ์ของพระองค์ เป็นสวรรค์ตนเองอยู่บนตำแหน่งสูงสุด และมันก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ เพราะมันที่ใหญ่อลังการมาก ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,300,000 ตารางเมตร

มีถนน มีระบบชลประทาน และสถานที่เกี่ยวกับศาสนามากมาก หนึ่งในนั้นนั่นก็คือถ้ำที่พระองค์ทรงสร้าง เพื่อมอบแก่พุทธสาวกได้ปฏิบัติ ธรรมแต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่สุดก็คือที่ใจกลางเมือง มีภูผาหินขนาดยักษ์ ที่เป็นที่ตั้งของพระราชวังกับป้อมปราการอันน่าเกรงขามและทิวทัศน์ตระการตา สวยงาม ฐานของป้อมที่ก่อด้วยอิฐ มีอายุมากกว่า 1,500 ปี ฮินดู และเป็นหนึ่งในมรดกโลกของศรีลังกา 



 

8. Torun

 


เมืองทอรูน เป็นเมืองทางเหนือในประเทศโปแลนด์ ที่ยังคงสภาพเป็นเมืองเก่าสมันกลางไว้ได้ ที่นี้เป็นบ้านเกิดของนิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัส (Nicolaus Copernicus)

นักดาราศาสตร์ที่เสนอทฤษฏีว่าโลกเป็นจุดศูนย์กลาง โดยอายุของเมืองนี้มีมาอย่างยาวนานถึง 1,100 ปี ซึ่งเป็นที่ตั้งถิ่นฐานเก่าของโปแลนด์ โดดเด่นคือเป็นเมืองศูนย์กลางค้า 



 

7. Tower of Hercules

 


ประภาคารเฮอร์คิวลิส เป็นประภาคารและสถานที่ทางเข้าของ 'ลา คอรุญญา' ท่าเรือสำคัญ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน เมืองแห่งนี้สร้างขึ้นโดยชาวโรมันมาถึงบริเวณเมืองนี้ในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล ผู้อาศัยในนิคมนี้ได้สร้างตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ไว้ และในไม่ช้าเมืองนี้ก็มีความสำคัญขึ้นในการค้าทะเล และหอหอเฮอร์คิวลิส
 
เป็นประภาคารที่เปิดทำการต่อเนื่องมาเป็นเวลาเกือบ 1,900 ปี ซึ่งในบริเวณเดียวกันมีสวนประติมากรรมหินแกะสลักจากเหล็กและสุสานมุสลิม ในยุคที่อาณาจักรโรมันยังเรืองอำนาจ ถือเป็นลักษณะเฉพาะตัวที่บ่งบอกถึงประภาคารโบราณสมัยกรีก-โรมัน ซึ่งยังคงให้เห็นความสมบูรณ์แบบของรังวัดในโครงสร้างและการทำหน้าที่แต่ละส่วนสอดคล้องต่อเนื่อง 



 

6. Ajanta Caves

 


ถ้ำอชันตา ได้ชื่อว่าเป็นวัดถ้ำในพุทธศาสนาที่งดงามและเก่าแก่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาสลับซับซ้อนในบริเวณฝั่งตะวันตกของที่ราบสูงเดกกัน โดยวิธีการสร้างนั้นเป็นขุดเจาะเข้าไปในหินบาซอลต์ (แกรนิตแข็ง)
โดยขุดจากหินก้อนเดียวจนเป็นวิหารขนาดใหญ่โดยใช้สิ่วและค้อนเท่านั้น ระยะเวลาการเจาะทั้งหมด 800 ปี เริ่มเจาะตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 3 จนกลายเป็นถ้ำมากกว่า 30 ถ้ำ เรียงตัวต่อเนื่องกันยาวหลายร้อยเมตรบนเชิงเขาสูงวงโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยว

ภายในมีวิหารขนาดใหญ่ภายในเต็มไปด้วยงานแกะสลักหิน เป็นเจดีย์ เป็นพระพุทธรูป เป็นเรื่องราวต่างๆ ในพุทธประวัติและชาดกเต็มไปหมด โดยไม่ผุพังตามกาลเวลาแม้แต่น้อย โดยสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่ของสงฆ์เพื่ออยู่อย่างสันโดษ แต่ แล้วสถานที่แห่งหนึ่งก็เริ่มหมดความสำคัญลง

เมื่อพระพุทธศาสนาเสื่อม ขาดการดูแล และถูกทิ้งร้างไปในที่สุด และได้เลือนหายไปจากความทรงจำของชาวอินเดีย จนมาถูกค้นพบโดยกองทหารอังกฤษ นำโดยร้อยเอกจอห์น สมิธ เมื่อ 1819



 

5. Valley of Flowers

 


เป็นสถานที่มาท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อยู่ในเทือกเขาหิมาลัย ในรัฐ Uttaranchal ซึ่งอยู่ทางเหนือของอินเดียประเทศอินเดีย ที่ถูกยอมรับว่าเป็นสถานที่มีชื่อเสียง สวยงามอย่างกับสวรรค์บนดินจนถูกนำมาบรรยายในวรรณคดี
มาหลายศตวรรษและปรากฏใน ศาสนาฮินดูมาช้านาน

เพราะที่นั้นมีทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์เฮ็มกุน (Hemkund Sahib) ที่พวกพราหมณ์ชอบนำน้ำในแม่น้ำนี้มาประกอบพิธีกรรมทางศา สนาประจำ (ใครเคยดู สารคดีตามรอยพระพุทธเจ้าอาจคุ้นๆ) อีกทั้งนักพฤษศาสตร์ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะที่นั้นเต็มไปด้วยพรรณไม้ ดอกไม้

 

 

4. Metora


เมทิโอร่า ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศกรีซ เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก ด้วยความเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่สร้างอยู่บนก้อนหินใหญ่สูงสง่า โดยอดีตสถานที่แห่งนึ้ถูกใช้เป็นที่พํานักของนักบวชคริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์

ซึ่งได้สร้างอารามไว้บนยอดเขาด้วยมีความเชื่อที่ว่า จะได้ใกล้ชิดกับสวรรค์ และเป็นการง่ายต่อการป้องกันศาสนาอื่นมารุกรานอีกด้วย ด้วยความโดดเด่นของการสร้างสรรค์ของศิลปะแบบไบแซนไทน์เมทิโอร่าจึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก้ใน ปี 1988




3. Bagan


พุกาม เป็นเมืองในประเทศพม่า เคยเป็นที่ตั้งอาณาจักรโบราณพุกาม (1044 - 1287) เป็นอาณาจักรแห่งแรกในประวัติศาสตร์พม่า ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Division) อยู่ ห่างประมาณ 90 ไมล์ หรือ 145 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมัณฑะเลย์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เขตเมืองเก่า (เขตที่ตั้งอาณาจักรพุกาม) เขตเมืองใหม่ (เขตที่อยู่อาศัยปัจจุบัน)
และยองอู (เขตพาณิชยกรรมและเศรษฐกิจ)

มีสนามบินชื่อ สนามบินยองอู เป็นสนามบินประจำเมือง รายได้หลักของเมืองคือ การท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาเยือนที่นี่เสมอทุกช่วงปี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากแถบเอเชียด้วยกัน เนื่องจากพุกามได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งทะเลเจดีย์ที่สวยงามและมีคุณค่า หรือ
ดินแดนแห่งเจดีย์สี่พันองค์ เพราะในสมัยรุ่งเรืองเคยมีเจดีย์มากมายถึง 4,446 องค์

ปัจจุบันเหลือแค่เพียง 2,217 องค์ น่าเสียดายตอนนี้พุกามเป็นเมืองที่ยังไม่ได้รับการรั บรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ทั้ง ๆ ที่มีคุณสมบัติเต็มพร้อม ปัจจุบันรัฐบาลทหารพม่ากำลังพยายามเร่งเสนอชื่อและเตรียมความพร้อมให้เป็น มรดกโลกทางศิลปวัฒนธรรมแห่งต่อไป 




2. Leptis Magna


เมืองเลปติส เมกนา ตั้งอยู่ทางตะวันออกของกรุงทริโปลีในประเทศลิเบียถูก ขนาม นามว่าเป็น อาณาจักรโรมันที่มีชื่อเสียงและงดงามมากที่สุดในแอฟริกา ซึ่งปัจจุบันยังคงสภาพ ความรุ่งโรจน์ ด้วยเพราะอาณาจักรถูกสร้างโดยหินปูน จึงทำให้ทนต่อการเกิดแผ่นดินไหวนับครั้ง ไม่ถ้วน

จุดเด่นของเมืองมิใช่เพียงแค่ความงาม เท่านั้น แต่ผังเมืองที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ไม่ว่า จะเป็นถนน, อาคารซึ่งถูกประดับตกแต่งอย่างงดงาม, โรงอาบน้ำโรมัน ซึ่งถูกวางผังไว้ในตำแหน่ง เหมาะสม, สภาประชุม, หอประชุมสำหรับขุนนาง หรือไม่ว่าจะเป็น โรงละคร หรือคอมเพล็กซ์ สำหรับการพักผ่อนเพลิดเพลินของประชาชน แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองที่สุดของอาณาจักร เลปติส เมกนา ในช่วงเวลา ปี 111 ก่อนคริสต์กาล จนถึงช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด ปี ค.ศ. 211 โดยกษัตริย์ Septimus Severus

อาณาจักรเริ่มเสื่อมสลายในช่วงศตวรรษที่ 4 และท้ายที่สุดโดนทรายแห่ง อาหรับลบเลือนไปจากโลกภายนอก ปัจจุบัน อาณาจักรเลปติส เมกนา ถูกค้นพบอีกครั้งโดยนัก โบราณคดีชาวยุโรป และยังคงสภาพสมบูรณ์ไว้อย่างชัดเจน จน องค์การยูเนสโก้ประกาศเป็น มรดกโลกในปี ค.ศ.1982




1. The Library of Celsus


ห้องสมุดเซลซุสตั้ง เมืองเอเฟซุส ประเทศตุรกี ซึ่งเมืองเอเฟซุสเป็นถิ่นที่อยู่ของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยปลายยุคโลหะในราวศตวรรษที่ 7 ก่อน คริสตกาล ภายใต้การปกครองของอาณาจักรลิเดีย

เอเฟซุสเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในแถบ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และรุ่งเรืองถึงขีดสุดอีกครั้งภายใต้การปกครองของโรมัน เป็นเมืองใหญ่ที่สุด 1 ใน 5 ของจักรวรรดิโรมัน และใหญ่ที่สุดในเขตเอเชีย...และห้องสมุดเซสซุสก็เป็นหนึ่งในโบราณสถานที่หลงเหลือ อยู่ในอาณาจักรแห่งนี้

ปัจจุบันเหลือเฉพาะด้านหน้าของอาคารเท่านั้น ห้องสมุดเซลซุส เป็นอาคาร 2 ชั้น สร้างในปี ค.ศ. 114-117 โดย ดิเบริอุส จูลิอุส อาควิลา เพื่ออุทิศให้กับ 'ดิเบริอุส จูลิอุส เซลซุส' ผู้เป็นบิดา โดยฝังโลงศพหินเอาไว้ที่ใต้หอสมุดและใช้เป็นแหล่งรวบ รวมความรู้ แสดงให้เห็นความยิ่งใหญ่ในอดีต

ห้องสมุดแห่งนี้มีทางเข้า 3 ทาง โดยบริเวณประตูทางเข้ามีรูปแกะสลักเทพี 4 องค์ประดับอยู่ ได้แก่ เทพีแห่งปัญญา เทพีแห่งคุณธรรม เทพีแห่งความเฉลียวฉลาด และเทพีแห่งความรู้ รูปแกะสลักเทพีทั้ง 4 องค์นี้เป็นของจำลอง ส่วนของจริงนักโบราณคดีชาวออสเตรียได้นำกลับไปออสเตรีย และตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กรุงเวียนนา 


ที่มา :  Toptenthailand.com

 

 
Credit: http://board.postjung.com/699071.html
18 ส.ค. 56 เวลา 06:49 1,250 90
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...