วันที่ 17 ส.ค. นายปรีชา พิพัฒน์ผล หัวหน้าหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ จุดตำบลบางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก พระพิสุทธิ อายุ 53 ปี พระลูกวัด วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ว่าพบงูขนาดใหญ่เลื้อยเข้ามากินแมว และสุนัข ที่เลี้ยงไว้ ก่อนจะเลื้อยเข้ามาในกุฏิ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เกือบ 10 นาย พร้อมอุปกรณ์จับอสรพิษ รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุกุฏิที่ 33 เป็นกุฏิไม้ 2 ชั้น มีป่าไม้ล้อมรอบ พบงูหลามขนาดใหญ่ ลำตัว 5 นิ้ว ความยาวกว่า 6 เมตร น้ำหนักประมาณ 60 กิโลกรัม กำลังนอนขดตัวใต้ถุนกุฏิ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ได้เลื้อยหนีขึ้นต้นยางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะไปพันตัวเองติดอยู่กับยอดกิ่ง ซึ่งมีความสูงกว่า 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจปีนตามขึ้นไป และพยายามใช้เชือกคล้องคองู แต่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะงูมีอาการดุร้าย และโยกคอหลบหลีกไปมา ไม่นานก็ได้เลื้อยหนีไปอยู่บนกิ่งไผ่ที่อยู่ติดกัน เจ้าหน้าที่ต้องไล่ต้อนให้งูเลื้อยไปยังต้นยางที่อยู่ถัดไป เนื่องจากต้นไผ่มีหนามล้อมรอบยากต่อการจับ ซึ่งต้องใช้เวลาอยู่นานกว่า 4 ชั่วโมง จึงต้อนงูไปได้ เมื่องูมีอาการอ่อนแรง นอนขดตัวอยู่กับยอดกิ่ง เจ้าหน้าที่จึงรีบปีนขึ้นไปใช้เชือกคล้องคองูได้สำเร็จ แต่ด้วยลำตัวที่ขดอยู่กับกิ่งไม้ ทำให้ไม่สามารถดึงงูออกได้ ต้องใช้มีดตัดกิ่งให้ขาดออกจากกัน เพื่อให้หล่นสู่พื้น จนนำไปสู่การจับงูตัวนี้ไว้ได้ในที่สุด ก่อนนำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ
สอบถาม พระพิสุทธิ เล่าว่า ได้จำพรรษาอยู่ในวัดญาณฯ มานาน 7 พรรษา ที่ผ่านมาได้มีญาติโยม นำสุนัข และมา มาปล่อยทิ้งให้ผจญชะตากรรมอยู่ในวัด ด้วยความสงสารไม่อยากให้อดอยาก จึงเก็บมาเลี้ยงไว้บริเวณโดยรอบกุฏิ ประมาณเกือบ 30 ตัว แต่ได้ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุ ขณะนี้เหลือสุนัขและแมว 12 ตัว ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ขณะกำลังจำวัดอยู่ในกุฏิ ได้ยินเสียงสุนัข และแมว ร้องโหยหวนผิดปกติ จึงออกมาดูก็พบ เจ้างูหลามยักษ์ตัวนี้ กำลังไล่ต้อนกินสุนัข และแมว ตรงปี่เข้ามาในกุฏิ ด้วยความตกใจและกลัว จึงวิ่งหนีออกนอกกุฏิ ก่อนจะแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ยอมรับว่า กลัวมาก ถ้าหลุดเข้ามาในกุฏิคงถูกรัดอย่างแน่นอน ซึ่งในครั้งนี้ คงได้คำตอบแล้วว่า สุนัข และแมว ที่เลี้ยงไว้ คงหายไปอยู่ในท้องงูนั่นเอง