เมื่อ 16 ส.ค. เอเอฟพีรายงานสถานการณ์ในอียิปต์ว่า ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง เมื่อฝูงชนนำโดยมุสลิมบราเธอร์ฮู้ด หรือภราดรภาพมุสลิม ผู้สนับสนุนนายโมฮาเหม็ด มอร์ซี ประธานาธิบดีที่ถูกรัฐประหาร ฝ่าประกาศภาวะฉุกเฉินออกมาชุมนุม เพื่อแสดงความโกรธแค้นหลังจากการสลายการชุมนุมโดยรัฐบาลเฉพาะกาล มียอดผู้เสียชีวิตเกือบ 700 รายและบาดเจ็บกว่า 3,500 คน จากนั้นผู้ชุมนุมถูกเจ้าหน้าที่ปราบปรามอีก ด้วยการใช้กระสุนจริง มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 70 ราย กระทั่งในช่วงเย็น นายเกฮัด เอล-ฮัดดาด โฆษกกลุ่มผู้ประท้วงในนามพันธมิตรต่อต้านการรัฐประหารประกาศยุติการชุมนุม แต่นัดให้ผู้ชุมนุมออกมาเคลื่อนไหวในทุกวันจากนี้
ก่อนหน้านี้โฆษกของกลุ่มกล่าวว่า แม้จะเจ็บปวดต่อความสูญเสียเพียงใด แต่อาชญากรรมที่ผู้ก่อรัฐประหารทำลงไปนั้นกระตุ้นให้ทางกลุ่มต้องสู้ พร้อมนัดหมายให้ผู้ชุมนุมเตรียมเคลื่อนออกจากมัสยิดทุกแห่งในไคโรไปยังจตุรัสรามซิสเพื่อแสดงความโกรธแค้นหลังเสร็จสิ้นพิธีละหมาดยุมอะห์ตามประเพณี
ด้านรัฐบาลอียิปต์ยังแสดงท่าทีแข็งกร้าว นายโมฮัมเหม็ดอิบราฮิมมุสตาฟารมว.มหาดไทยระบุว่า ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ตนมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังกับผู้ชุมนุมได้หากมีการบุกรุกสถานที่ราชการ พร้อมเผยว่ามีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 9 รายจากการชุมนุมบริเวณแหลมเชนไนและเมืองอัสซุต
ส่วนนายอัดลี มันซูร์ ประธานาธิบดีเฉพาะกาล แถลงตอบโต้ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐที่ประกาศยกเลิกแผนการซ้อมรบระหว่างสหรัฐและอียิปต์ พร้อมประณามการใช้กำลังสังหารประชาชนว่า สิ่งที่ผู้นำสหรัฐพูดไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง ทั้งยังจะให้ท้ายกลุ่มติดอาวุธ ในขณะที่อียิปต์เผชิญกับการกระทำของผู้ก่อการร้าย