พบโครงกระดูกมนุษย์โบราณอายุ3พันปี

 

วันที่ 16 ส.ค. มีรายงานว่า ในพื้นที่ทุ่งนาของนายวสันต์ ขันติวงษ์ บริเวณหมู่ 6 ต.นากลาง อ.โกรพระ จ.นครสวรรค์ มีการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์และวัตถุโบราณถูกฝังอยู่ใต้ดินในทุ่งนาเป็นจำนวนมาก จึงเดินทางไปสำรวจข้อเท็จจริง พบกลุ่มเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรและชาวบ้านในพื้นที่อีกจำนวนหนึ่ง กำลังช่วยกันขุดค้นหาสิ่งของโบราณอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว โดยจากการตรวจสอบพบว่า สิ่งที่มีการขุดค้นเจอ มีทั้งโครงกระดูกมนุษย์ในสภาพสมบูรณ์ จำนวน 21 โครง และพบเศษกระดูกบางชิ้นส่วน รวมถึงวัตถุหม้อ ไห กำไรดินเผา และเครื่องประดับ รวมกันอีกไม่ต่ำกว่า 1,000 ชิ้น ซึ่งมีการคาดกันว่า น่ามีอายุเก่าแก่ไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี

จากการสอบถาม นายวสันต์ เจ้าของที่ดิน เล่าว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ว่าจ้างรถแบ็กโฮมาปรับที่ดินบริเวณข้างบ้าน เพื่อทำนา ปรากฏว่า ในระหว่างที่รถกำลังขุดดินลึกลงไปประมาณ 1.50 เมตร ก็พบเศษคล้ายกระเบื้องปะปนกระดูกมนุษย์จำนวนมาก จึงได้สั่งให้หยุดขุด และตรวจสอบดูอย่างละเอียด พบว่ามีหม้อดินเผากำไล เครื่องประดับ รวมถึงเศษกระโหลก กราม ฟัน และกระดูกชิ้นส่วนของมนุษย์ทั้งสภาพสมบูรณ์และแตกหักอีกหลายชิ้นด้วย ซึ่งในเบื้องต้น ทางจังหวัดนครสวรรค์ ได้ขอให้ชาวบ้านหยุดการขุดค้นไว้ก่อน พร้อมกับประสานไปยังกรมศิลปากรให้เข้าตรวจสอบ กระทั่งทราบว่า สิ่งที่ขุดค้นพบทั้งหมด น่าจะมีอายุเก่าแก่ราว 3,000-4,000 ปี

นายวสันต์ เล่าต่อว่า หลังจากที่มีการขุดพบกระดูกและวัตถุโบราณแล้ว ได้เกิดกระแสข่าวแพร่สะพัดขึ้น จึงทำให้มีผู้คนสนใจแห่เดินทางมาเที่ยวชม และกราบไหว้ขอหวยกันเป็นจำนวนมาก ส่วนกรมศิลปากร ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลส่วนหนึ่ง และมีการกั้นที่เพื่อดำเนินการขุดค้นอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบัน มีการขุดพบโครงกระดูกของมนุษย์โบราณในสภาพสมบูรณ์ ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รวมกันจำนวนถึง 21 โครงแล้ว และคาดว่า น่าจะมีโครงกระดูกมนุษย์โบราณฝังอยู่ใต้ดินแห่งนี้อีก ไม่ต่ำกว่า 1,000 โครง แต่ที่ผ่านมา เกิดความล่าช้า เนื่องจากไม่มีงบประมาณของส่วนราชการเข้ามาสนับสนุน จึงทำให้กรมศิลปากร ต้องใช้งบประมาณในสังกัดมาดำเนินการเอง แต่ก็มีงบเพียงในระดับหนึ่งเท่านั้น

ขณะที่ นายประจวบ ขันติวงษ์ น้องชายนายนายวสันต์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา มีนายอำเภอโกรกพระ และนายก อบต.นากลาง เดินทางมาตรวจสอบ พร้อมกับให้ความสนใจจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศึกษาใจอนาคต แต่ก็เงียบหายไป  ไม่มีการดำเนินการใดๆ เกิดขึ้น เมื่อไปสอบถามติดตามความคืบหน้า ปรากฏว่า ทาง อบต.นากลาง ยังไม่มีงบประมาณ จึงต้องลงทุนเอง ด้วยการนำเงินส่วนตัวและเงินบริจาคของชาวบ้านที่เดินทางมากราบไหว้ นำมาสร้างหลังคา เพื่อป้องกันแดดและฝน ส่วนความหวังของตนและคนในหมู่บ้านแห่งนี้ อยากจะพัฒนาสถานที่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และให้เป็นแหล่งศึกษาของนักเรียนนักศึกษา เชื่อว่าน่าจะมีประโยชน์ทั้งต่อชุมชน และจังหวัดเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อ เมื่อส่วนราชการ และ อบต. ไม่ให้ความสนใจ 

ด้านนายเจตน์กมล วงษ์ท้าว เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร กล่าวว่า โครงกระดูกและวัตถุดินเผาโบราณที่ชาวบ้านขุดค้นพบ น่าจะอยู่ในช่วงยุคหินใหม่ และมีอายุไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี เนื่องจากมีการนำเศษวัตถุไปเปรียบเทียบกับวัตถุโบราณยุคหินใหม่ ที่มีการขุดพบก่อนหน้านี้ในจังหวัดอื่น พบว่า มีลักษณะใกล้เคียงกันมาก ส่วนโครงกระดูกสมบูรณ์ที่ค้นพบล่าสุดทั้งหมด 21 โครงนั้น น่าจะเป็นเพศหญิงและเด็กเป็นส่วนใหญ่  ซึ่งเชื่อว่าในหมู่บ้านแห่งนี้ รอบรัศมีเกิน 1 กิโลเมตร น่าจะมีโครงกระดูกและวัตถุโบราณฝังอยู่ใต้ดินอีกเป็นจำนวนมาก เพราะจากการสำรวจรอบหมู่บ้าน จะพบเศษดินเผากระจายอยู่ทั่วทั้งบริเวณ จึงสันนิษฐานว่า ที่ดังกล่าวน่าจะเคยเป็นสถานที่ฝังศพ ของหมู่บ้านชาวชุมชนยุคหินใหม่มาก่อน

นายเจตน์กมล กล่าวต่อไปว่า จะดำเนินการขุดค้นเฉพาะแค่ตรงจุดนี้ให้เสร็จสิ้นก่อน เพื่อป้องกันความเสียหายของแหล่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ประกอบกับ งบประมาณที่ได้มาดำเนินการมีจำนวนจำกัด และต้องใช้งบประมาณในโครงการอื่นมาดำเนินการก่อนด้วย จึงทำให้ต้องหยุดขุดค้นหาชั่วคราวเป็นเวลา 1 ปี แต่หลังจากนี้ จะพยายามหางบประมาณมาสนับสนุนต่อ เพื่อให้งานเกิดความก้าวหน้า

ทั้งนี้ มีรายงานเรื่องอาถรรพ์ลี้ลับด้วยว่า ชาวบ้านและบรรดาคอหวย ที่เดินทางมากราบไหว้ขอเลขเด็ดนั้น มักจะฉวยโอกาสแอบหยิบเศษวัตถุโบราณติดไม้ติดมือกลับไปด้วย แต่ก็ต้องรีบนำกลับมาคืนให้แทบทุกราย โดยเรื่องนี้ นางสุวรรณ ขันติวงษ์ ภรรยายาของนายวสันต์ เล่าว่า เคยมีคนเดินทางมากราบไหว้ขอหวย แล้วหยิบเอาฟันกลับบ้านไป ปรากฏว่า เกิดอาการแน่นหน้าอกอย่างแรง จนต้องรีบนำฟันกลับมาคืนให้ และบางรายหยิบเอาชิ้นส่วนของกำไลกลับบ้าน ผลปรากฏว่า มีอาการป้ำๆ เปล๋อๆ และชอบพูดพร่ำเพ้ออยู่คนเดียวจนถึงทุกวันนี้ ส่วนรายที่นำเอากลับไปบ้านแล้วเกิดผลดี ก็มีเช่นกัน โดยมีชาวบ้านรายหนึ่งมากราบไหว้ อธิฐานขอให้หายจากอาการปวดแขนเรื้อรัง และขอหยืบยืมชิ้นส่วนกระดูกชิ้นเล็กนำกลับไปบ้าน 1 อาทิตย์ เพื่อไปแช่น้ำอาบหวังให้หายจากอาการ ซึ่งก็ได้ผล เมื่อชาวบ้านรายนั้นเดินทางนำชิ้นกระดูกกลับมาคืน พร้อมกับบอกว่า อาการปวดแขนหายดีแล้ว ซึ่งตนก็ไม่อยากให้งมงาย แต่เหตุการณ์ที่เล่าให้ฟัง มันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

16 ส.ค. 56 เวลา 17:13 4,248 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...