บทเรียนราคาแพง กับร่มกรุงไทยแอคซ่าราคา 18,000 บาท

 

 

 

บทเรียนราคาแพง กับร่มกรุงไทยแอคซ่าราคา 18,000 บาท

 

 

ขอเล่าประสบการณ์ " โง่ " ของตัวเองค่ะ และไม่อยากให้โง่เหมือนเราค่ะ


เราเป็นเด็กจบใหม่เพิ่งทำงานได้ปีกว่าค่ะ .. เงินเดือนไม่ได้มากมายอะไร
อยู่มาวันหนึ่ง มีพนักงงานกรุงไทยแอคซ่าเข้ามาหาลูกค้าในที่ทำงาน
ใจจริงไม่ชอบเรื่องพวกนี้เลยค่ะ...

แต่เขาพูดจาหว่านล้อมว่าเนี่ยน้องจบใหม่
อายุยังน้อย เริ่มเก็บเงินตอนนี้ จ่าย เดือนละ 1500 บาท แค่ 12 ปี เองได้เงินคืน ประมาณสี่แสน
 ไอเราก็ ... เออนะ เก็บเงินไว้ตั้งแต่เริ่มทำงาน เพื่ออะนาคตที่สดใส (โลกสีชมพูมาก) เนี่ยแถมประกันโรคร้ายแรง บลาๆๆส่งไม่กี่ปีเอง เราก็ถามนะว่าถอนออกมาใช้ได้หรือป่าว

เค้าบอกว่าได้แต่หลัง 2 ปีจะได้ดอกด้วย

ใจอ่อนเลยค่ะ ... แหมะ ดอกมันดีซะยิ่งกว่าฝากธนาคารอีก แถมพี่ๆที่ทำงานหลายคนเค้าทำกัน
 มันคงจะดีจริงๆๆ ไม่มีความเสี่ยง (เล๊ยยยยยยยยย) ได้ตังค์กลับด้วย ไอเราความโลภบังตาไม่ถงไม่ถามเงื่อนไขอะไรเลยเเละตกลงปลงใจแบบเบลอๆ ... โดยได้ของแถม เป็นร่ม มา 1 คัน (เห็นทีไรปวดใจจริง

 

 



หลังจากนั้น ก็ ได้สมุดกรมธรรม์ มานอนกอด 1 เล่ม พูดเอาจริงๆนะ ภาษากรมธรรม์ ไปหลายรอบแต่ไม่เข้าใจอะ

 ณ ขณะนั้น มโน เองได้ว่า จ่ายไปเดือนละ 1500 บาท ครบ 12 ปี ได้เงินพร้อมดอกเบี้ย (แสนเว่อร์) แถมคุ้มครองโรคร้ายแรงไปถึงอายุ 85 ปี หูยยยยยยยยย ดีอะ เลยเงินไปทุกๆเรื่อยแบบสบายใจ จนวันนี้ครบ 1 ปี พอดี

แต่ตะหงิดใจมันตรงที่เพื่อนที่ทำงานด้วย 2 คน ทำแอคซ่า ด้วย เเต่หลังเราไป 5 เดือน 
เค้ายังไม่ได้ของที่ระลึก (พนักงานบอกว่าจะเอามาให้) เพื่อเราโทรหาตัวแทน (คนละคนกัยที่เราทำ)
เค้าก็บ่ายเบี่ยง บลาๆๆ จนเพื่อนเริ่มเบื่อ และไม่มั่นใจในการบริการ และต้องการยกเลิก

 ไอเราก็บอกเพื่อน แหมะอุส่าห์ส่งมาหลายเดือนแล้ว เสียดายเงิน ... เพื่อนบอกไม่ไหวแล้วกับตัวแทนคนนี้จะยกเลิกให้ได้ตัวแทนของเพื่อนเราพยายามอ้อนวอนว่าอย่ายกเลิกเลย

 

 

 

เค้าต้องเสียแทนจนครบ 2 ปี เนื่องจากเข้าต้องการรักษาระดับ(ไม่รู้เขาเรียกอะไร...คล้ายๆเพชรมงกุฎ ขายตรง ^^" ) แต่เพื่อเขาไม่ยอม ตัวแทนเลยให้เขียนหนังสือยกเลิกที่ บริษัทใหญ่ โดยให้เหตุผลว่ามีปัญหาด้านการเงิน (แต่จริงๆมีปัญหากับตัวแทนบริการห่วย 555) เค้าบอกว่าเขียนแบบนี้อาจได้เงินคืน

 

ลูกค้าเขาเคยได้คืนมาแล้ว 3 คน ..... แต่ทำไมเราต้องโกหกเรื่องที่ไม่จริงด้วย
จนในที่สุด เราก็ได้หาเบอร์ศูนย์ให้ให้เพื่อนโทร ได้ความว่าเราผิดสัญญาเอง ไม่ได้เงินคืนใดๆทั้งสิน
หากเราเสียจนครบ 2 ปี ก็ได้แค่ดอกเบี้ย 5พันกว่าบาท (แล้วจะโง่เสียทำไม) เพื่อนจึงตัดสินใจยกเลิก

......มาถึงจุดนี้เรายังคงมั่นใจกับบริบัทนี้นะ เราไม่ได้มีปัญหากับตัวแทน (หลังจากทำไม่เคยติดต่ออะไรมาเลย)
และยังคิดว่าจะส่งเงินต่อไปจนครบ .........แต่ไหนๆก็หาเบอร์โทรให้เพื่อนแล้ว โทรไปถามข้อมูลเราบ้างดีกว่า
 ทำมาปีนึงแล้วลืมไปแล้วว่าได้เงิน อะไร ยังไง ..............โทรติด call center ถามเลยค่ะ ว่า ทำแบบ 12 ปี เบิกได้เงินเท่าไร ......

 

คำตอบทำเอาช็อคไป 3 วิเลยค่ะ ... ของคุณสามารถรับเงินคืนได้เมื่ออายุ 85 ปีค่ะ
 ห๊าาาา 85 ปี ตายแล้ววว เราจะอยู่ถึงไหมเนี่ย ไหนตัวแทนไม่เคยบอกเลย ไหนว่าแค่ 12 ปี ณ ตอนนั้นเงินที่ได้มาไม่รู้จะเฟ้อไปกี่เท่าคำถามล้ามแปดผุดขึ้นมาในสมอง มึนจริงๆค่ะ ... ถามต่ออีกว่าถ้ายกเลิกตอนนี้ได้อะไรบ้าง ... คำตอบเหมือนของเพื่อนเลยค่ะ

 

 

 
 

คือไม่ได้อะไร ............. โลกมืดมากๆๆ ชั้นต้องทิ้งเงิน 18000 บาทเหรอเนี่ย พวกคุณๆรู้กันไหมว่าเราต้องทำงานเหนื่อยแค่ไหนพวกคุณหากินกันแบบร้ายกาจมาก หากินแบบการตลาด พูดจาดูดี คลุมเคลือ ทำให้เข้าใจผิด พวกคุณเป็นตัวแทนของธนาคาร
 

ณ วันนั้นชั้นเชื่อคุณโดยไม่เอ๊ะใจเลย และหาความจริงใจจากพวกนี้ไม่ได้เลยยย ไม่คิดเลยว่าบริบัทใหญ่ๆๆหากินกันแบบนี้ คนที่รับกรรมคืนคนที่เคยไว้ใจพวกคุณ พวกคุณหลอกลวงผู้บริโภค แต่กฏหมายเอาผิดพวกคุณไม่ได้ เงิน 18000บาท แลกกับร่ม 1 คัน ..... เห็นทีไรพูดไม่ออก ทั้งเจ็บ ทั้งแค้น ทั้งโง่ ทำได้แค่คิดว่าพาดเคราะห์


 เราเลยอยากเล่าเหตุการณ์นี้ไว้สำหรับคนที่ยังไม่รู้นะคะ อย่า " โง่ " เหมือนเราอีก

 

ที่มา azizi_vovo

 

 

Credit: http://www.babnee.com/index.php
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...