เผยโฉม"ไฮเปอร์ลูป"ระบบขนส่งอนาคต เชื่อมแอลเอ-ซานฟรานฯด้วยความเร็ว1,220 กม./ชม.

 

นายเอลอน มัสค์ ผู้ประกอบธุรกิจชาวอเมริกัน เปิดตัวโครงร่างของ "ไฮเปอร์ลูป" (Hyperloop) ระบบขนส่งความเร็วสูงระดับ"เกือบเหนือเสียง" ที่จะเชื่อมนครซานฟรานซิสโกและนครลอสแองเจลิส

 

 

 

 

มัสค์ วัย 42 ปี ผู้ก่อตั้งบริษัทอวกาศเอกชน "สเปซเอ็กซ์" (SpaceX) บริษัทผลิตรถยนต์ "เทสลา มอเตอร์ส" (Tesla) และบริการชำระเงินออนไลน์ "เพย์พาล" (PayPal) ได้วางโครงร่างของโครงการรถไฟชนิดพิเศษที่จะใช้ระบบแม่เหล็กและพัดลม เพื่อยิงแคปซูลให้ลอยบนเบาะอากาศผ่านอุโมงค์ขนาดยาว

 

เขากล่าวว่า หากโครงการดังกล่าวสามารถสร้างได้จริง จะช่วยร่นเวลาการเดินทางจากนครซานฟรานซิสโกและลอสแองเจลิส ที่อยู่ห่างกันราว 610 กิโลเมตร ให้เหลือเพียง 30 นาที แต่กล่าวว่า ตอนนี้เขาค่อนข้างยุ่งเกินกว่าที่จะพัฒนาโครงการดังกล่าวได้ด้วยตนเอง

 

 

 

 

ในรายงานบนเว็บไซต์ spacex.com นายมัสก์ชี้แจงว่า ระบบพลังงานแสงอาทิตย์จะช่วยให้การเดินทางเร็วกว่า ปลอดภัยกว่า เสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า และทำให้การเดินทางระหว่างนครซานฟรานซิสโกและลอสแองเจลิส มีประสิทธิภาพกว่าระบบรถไฟความเร็วสูงที่อยู่ระหว่างการพัฒนา

 

เขากล่าวว่าโครงการก่อสร้างระบบการส่งชนิดใหม่นี้ซึ่งมีระยะทางประมาณ 610 กม. จะใช้งบประมาณราว 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยานพาหนะชนิดใหม่นี้ สามารถออกเดินทางได้ทุกๆ 30 วินาที และยังสามารถบรรทุกรถยนต์ และเดินทางด้วยความเร็วกว่า 1,220 กม./ชม. หรือใกล้เคียงความเร็วเสียง

 

 

 

 

โดยผู้โดยสารภายในแคปซูลจะรู้สึกว่าเกิดแรงโน้มถ่วงของโลกมากกว่าเดิมเพียงเล็กน้อยเช่นเดียวกับการนั่งเครื่องบิน และมากกว่าการนั่งรถไฟเหาะ และเขาอาจสร้างยานพาหนะต้นแบบในเร็วๆนี้ แต่ไม่ใช่ขณะนี้ เนื่องจากเขายังคงยุ่งอยู่กับโครงการกระสวยอวกาศเพื่อการพาณิชย์อย่าง สเปซเอ็กซ์ และกว่าที่แบบจำลองของจริงจะสร้างเสร็จก็อาจใช้เวลาถึง 4 ปี

 

 

 

 

เขากล่าว่า โครงการในลักษณะนี้ เหมาะกับเมืองที่มีระยะห่างกันไม่เกิน 1,600 กม. เนื่องจากหากไกลกว่านั้น อาจจะต้องใช้การเดินทางในระดับความเร็วเหนือเสียง แต่ด้วยระยะทางที่น้อยกว่านั้น การเดินทางเช่นนี้จะดีกว่าเครื่องบิน เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาเพื่อรอขึ้นเครื่อง

 

 

 

 

มัสก์เผยว่า เส้นทางระหว่างซานฟรานซิสโกและลอสแองเจลิส จะถูกสร้างขนานไปกับเส้นทางมอเตอร์เวย์เชื่อมทั้งสองเมือง ซึ่งทำให้เกิดปัญหาเวนคืนที่ดินน้อยมาก ขณะที่ตัวอุโมงค์และเสา สามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้ ส่วนค่าบริการนั้น มัสค์ประเมินเอาไว้ว่า ราคาตั๋วเที่ยวเดียวน่าจะอยู่ที่ 20 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 624 บาท)

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...