เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 13 ส.ค. พ.ต.ท.พิทักษ์พันธุ์ สุวรรณน้อย สว.กก.สส.ภจว.พิษณุโลก พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ สสจ.พิษณุโลก ได้ร่วมกันเดินทางเข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น เลขที่ 33/4 ถนนพระร่วง ต.ในเมือง หลังได้รับแจ้งมีการแอบลักลอบเปิดคลีนิกดัดฟันเถื่อน ที่บริเวณชั้น 2 ของบ้านหลังดังกล่าว เมื่อไปถึงพบว่าชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายเสื้อผ้าวัยรุ่น เจ้าหน้าที่จึงบุกเข้าไปตรวจสอบชั้น 2 ของบ้าน พบมีการดัดแปลงห้องพักให้เป็นสถานที่รับดัดฟัน โดยมีกล้องวงจรปิดติดไว้ดูความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ เมื่อเข้าไปในห้องก็พบว่า กำลังมีการดัดฟันให้ลูกค้าซึ่งเป็นนักศึกษาอยู่ในชุดนักศึกษา 2 คน ตรวจสอบ ก็พบอุปกรณ์ ดัดฟัน และ ยางใส่ฟันสีสันสวยงาม จำนวนมาก เหล็กลวดอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมกับขวดแอลกอฮอล์ และยังพบ กล้องวงจรปิด พร้อมเครื่องทีวี ที่เปิดดูความเคลื่อนไหวอยู่ในห้อง ดัดฟัน เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดอุปกรณ์ทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน และควบคุมตัว นางรัชดาภรณ์ บุตรเพชร อายุ 22 ปี ภูมิลำเนาเลขที่ 11/1 ม.4 ต.หนองกุลา อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ขณะกำลังถอดเหล็กออกให้กับลูกค้าที่เป็นนักศึกษา

นางรัชดาภรณ์ เปิดเผยว่าร้านแห่งนี้ได้เปิดมาแล้ว 2 เดือน โดยมี นางมิ้ม ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง เป็นเจ้าของห้องเช่า ขณะเข้าจับกุมไม่อยู่บ้าน ซึ่งตัวเองมีหน้าที่ขายเสื้อผ้าอยู่ชั้นล่าง แต่เห็นว่ามีลูกค้ามาจึงขึ้นมาดำเนินการให้แทน โดยสถานที่แห่งนี้จะมีลูกค้าที่เป็นเด็กนักศึกษาวนเวียนมาทุกวัน วันละ 2-3 ราย ค่าบริการจะอยู่ 1,200 บาท ต่อคน ถูกกว่าคลินิกทั่วไป

ด้านนางลินดา ประทุมทอง เภสัชกรชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่าคลีนิกแห่งนี้ถือว่าผิดกฎหมายในการประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และ อีกหนึ่งความผิดคือ ประกอบวิชาชีพทันตกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยทางกฎหมายมีโทษความผิดทั้งจำทั้งปรับ การใช้บริการคลีนิกประเภทนี้เสี่ยงต่อการติดเชื้ออย่างมาก เนื่องจากอุปกรณ์เหล็กดัดฟันไม่สะอาดและผู้ประกอบการก็ไม่มีความรู้ในการใส่ อาจเกิดแผลในช่องปากได้ง่าย ตลอดจนอาจส่งผลให้ฟันเสียรูปได้

ส่วน พ.ต.ท.พิทักษ์พันธ์ เปิดเผยว่าคลีนิกดังกล่าวจะมีผู้ร่วมแก๊งอีก 2 ราย โดย1 รายจะเป็นผู้หาลูกค้าโดยจะตระเวนไปตามที่ต่างๆ โดยเฉพาะสถาบันการศึกษา ที่อยู่ใกล้เคียง และอีกรายก็จะเป็นพนักงานต้อนรับเสนอรายการการดัดฟันต่าง ๆ พร้อมโปรโมชั่นให้กับลูกค้า ก่อนส่งตัวลูกค้าขึ้นมาด้านบนชั้น 2 ให้กับพนักงานอีกคนเป็นผู้ดำเนินการ โดยมีการใช้กล้องวงจรปิด คอยดูความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้ต้องหาอีก 2 รายซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนี มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.