ลูกค้ามินิเฮ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ลุยเดินสายประกอบ "มินิ" ในไทย ประเดิมผลิตคันทรี่แมน 3 รุ่น กดราคาลง 7 แสนบาท คาดปีนี้ทำยอดขายพุ่ง 2 หลัก
นายแมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยถึงแผนการดำเนินว่า ได้ตัดสินใจเปิดสายการประกอบรถยนต์ "มินิ" ขึ้นในประเทศไทย ที่โรงงาน บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง นิคมอุตสาหกรรมอมตะ จ.ระยอง เริ่มผลิตรถมินิคันทรี่แมน 3 รุ่น คือ มินิ คูเปอร์ คันทรี่แมน, มินิ คูเปอร์ ดี คันทรี่แมน และ มินิ คูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์ คันทรี่แมน โดยโรงงานดังกล่าวมีความยืดหยุ่นในสายการผลิตสามารถรองรับทั้งการผลิตรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิได้เฉลี่ยวันละ 50 คัน หรือประมาณ 1,000-1,100 คันต่อเดือน ทำให้โรงงานแห่งนี้จะมีการผลิตรถยนต์ทั้งหมด 5 ซีรีส์รวม 22 รุ่น คือ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3, ซีรีส์ 5, ซีรีส์ 7, เอ็กซ์วัน และมินิ คันทรี่แมน ซึ่งจากการผลิตรถยนต์มินิ ใประเทศไทย และมีการใช้โลคอลคอนเทนต์กว่า 40% สามารถลดต้นทุนการผลิตและการนำเข้า จนสามารถลดราคาขายได้ราว 24-29% สำหรับรุ่น มินิ คูเปอร์ คันทรี่แมน ลุค 1 ราคาเดิม 2.59 ล้านบาทลดลงเหลือ 1.84 ล้านบาท มินิ คูเปอร์ ดี คันทรี่แมน ลุค 1 ราคาเดิม 2.84 ล้านบาท ลดลงเหลือ 2.04 ล้านบาท และรุ่น มินิ คูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์ คันทรี่แมน ราคาเดิม 3.29 ล้านบาท ลดลงเหลือ 2.49 ล้านบาท
การที่บริษัทแม่ตัดสินใจเพิ่มสายการผลิตรถยนต์มินิในประเทศไทยเนื่องจาก ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญ เห็นได้จากยอดขายในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมามียอดขายสูงถึง 501 คัน ถือเป็นสถิติยอดขายที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยรถที่จะเริ่มผลิตในโรงงานแห่งนี้ จะเริ่มส่งมอบได้ภายในไตรมาสสุดท้ายของปี ส่วนรถยนต์ มินิ คันทรี่แมน ที่นำเข้ามาจำหน่ายนั้น ปัจจุบันได้เคลียร์สต๊อกหมดแล้ว คาดว่าหลังจากเริ่มสายการผลิตในไทยจะทำให้ปีนี้ยอดขายรถยนต์เติบโตขึ้นในตัวเลข 2 หลัก ในช่วงครึ่งปีแรกมินิมียอดขาย 219 คัน เติบโต 3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู จ.ระยอง เริ่มเดินสายการผลิตเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2543 ด้วยเงินลงทุนกว่า 2,200 ล้านบาท สามารถประกอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูได้มากถึง 5 ซีรีส์ ด้วยพื้นที่การผลิตกว่า 75,000 ตารางเมตร มีพนักงานกว่า 400 คน