จะขนฟูฟ่องหรือขนสั้น สุภาพหรือดุร้าย แต่สุนัขในปักกิ่งกำลังจะถูกต้อนเข้ากรงของตำรวจ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งกำลังผลักดันแคมเปญเห่าเลวร้ายกว่ากัดอยู่เงียบ ๆ

นโยบายจัดการกับสุนัขในปักกิ่งนี้พุ่งตรงไปที่สุนัขขนาดใหญ่และพวกที่ไม่ได้มีการลงทะเบียน ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับบรรดาเจ้าของสุนัขเป็นอย่างมาก แต่ท่ามกลางกฎอันเข้มงวดนั้นกลับมีตำรวจนายหนึ่งที่ฝ่าฝืนกฎหมายด้วยการช่วยเหลือสุนัข 12 ตัวที่ถูกเพื่อนตำรวจหนุ่มจับมาเป็นเวลาเกือบปี

“เพื่อนร่วมงานของผมไม่ค่อยรักใคร่เอ็นดูหมาพวกนี้เท่าไหร่” เจ้าหน้าที่ตำรวจวัย 50 ปี ที่ใช้นามแฝงในโลกออนไลน์ว่า เสี่ยวเฮย บอกเล่า

ในป้อมตำรวจขนาดเล็กที่เขาอยู่นั้นมีลูกสุนัขอยู่ 7 ตัว ที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากจะฝ่าฝืนกฎหมายนัก แต่ด้วยความสงสารสุดท้ายก็ต้องรับพวกมันมาเลี้ยงดู

“ผมเคยบอกเพื่อนร่วมงาน ถ้าพวกเขาไม่ส่งหมาพวกนั้นมาให้ผม ผมก็จะขโมยมัน”

วิธีการของเขาไม่ได้ซับซ้อน เขาจะออกจากสถานีตำรวจตอนดึก ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครอยู่แล้ว ค่อย ๆ พาพวกมันออกมาจากกรง ซึ่งทั้งหมดจะต้องทำลับหลังเพื่อนร่วมงานทั้งสิ้น ขณะเดียวกันเขาก็พยายามหาบ้านหลังใหม่ให้กับพวกมันทางโลกออนไลน์ของคนปักกิ่งผู้ชื่นชอบและรักสุนัข

เสี่ยวเฮย บอกว่า เขากระตุ้นให้พวกเขามารับพวกมันไปเลี้ยงด้วยการบอกว่าจะจับมันใส่กรงเพื่อรอวันตาย เขาจะรู้สึกแย่มากทุกครั้งที่มองพวกมัน และไม่มีทางเลือก

ปักกิ่งเริ่มออกกฎหมายห้ามเลี้ยงสุนัขในเขตใจกลางเมืองมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1983 แต่กลับมีคนที่เลี้ยงพวกมันอยู่ในบ้านนับล้านตัว ขณะเดียวกันก็มีคลินิกรักษาสัตว์ถึงกว่าร้อยแห่ง ยังไม่รวมร้านตัดแต่งขนและสวนของสัตว์เลี้ยงระดับลักชัวรี่ที่มีสระว่ายน้ำรูปกระดูกไว้บริการแต่ใช่ว่าเมืองปักกิ่งจะแบนสุนัขทุกสายพันธุ์ เพราะความจริงแล้วจะเน้นเฉพาะสายพันธุ์ขนาดใหญ่ 40 สายพันธุ์ ตั้งแต่เซนต์เบอร์นาร์ดเกรทเดน ไปจนถึงบริติชบูลด็อกและดัลเมเชียน

โดยเจ้าของสุนัขพันธุ์เล็กที่ได้รับการอนุญาตให้เลี้ยงในเขตเมืองได้ จะต้องพาเพื่อนคู่ใจไปลงทะเบียนตัวละ 1,000 หยวน หรือราว 5,000 บาท และจะต้องต่ออายุรายปีอีกปีละ 500 หยวน หรือราว 2,500 บาทด้วย

“เจ้าของบางคนไม่มีความสามารถที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมเหล่านั้นได้ อย่างโกลเด้นครีเอเจอร์ตัวนี้ผมก็ได้มันมาจากคนแก่คนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเขตควบคุม”

ตำรวจได้ให้โอกาสกับเจ้าของสุนัขพันธุ์ใหญ่ในเดือนมิถุนายนเป็นเวลา 10 วัน เพื่อที่จะนำสุนัขเหล่านั้นออกจากใจกลางเมืองปักกิ่ง หรือจะยอมจ่ายเงิน 10,000 หยวน หรือราว 50,000 บาท เพื่อจะได้สิทธิในการเลี้ยงดูพวกมันต่อไป

เจ้าหน้าที่รัฐบอกว่า กฎหมายนี้จะทำให้เมืองพ้นจากอันตราย เพราะเขาต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของคนเป็นหลัก สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าเมื่อปีที่แล้วมีสุนัขถึง 2,400 ตัวถูกกำจัด สุนัขที่มีขนาดเกินกว่ากำหนดจะถูกยึดโดยไม่สามารถนำมันกลับคืนได้ พวกมันถูกฆ่าหรือส่งไปเป็นเนื้อสุนัขอันแสนโอชะในภัตตาคาร

คลิปวิดีโอที่แสดงภาพตำรวจกำลังแย่งสุนัขไปจากมือเจ้าของที่กำลังโกรธ และจับมันใส่กรงเมื่อเดือนมิถุนายน ความโหดร้ายนั้นถูกถ่ายทอดในโลกออนไลน์และได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

“อย่าให้สุนัขของคุณไปอยู่ในมือตำรวจ เพราะมันคือหนทางสู่ความตาย” สมาชิกคนหนึ่งของซิล่าง เวยป่อ สังคมออนไลน์ของจีนแบบเดียวกับทวิตเตอร์ โพสต์ไว้ในระบบ
ขณะที่อีกคน บอกว่า ไม่ว่าคุณจะอยากเกิดเป็นสุนัขหรือคน ทางที่ดีที่สุดคืออย่ามาเกิดในจีน

ตำรวจไม่ได้ระบุว่ามีสุนัขจำนวนเท่าใดที่ถูกกำจัดในปีนี้ แต่ หลุย เสี่ยวยี่ เจ้าของสถานสงเคราะห์สุนัขในปักกิ่งบอกว่า มันมีจำนวนมากกว่าปีที่ผ่านมา

เจ้าของผู้หวาดกลัวบางคนยอมที่จะเอาสุนัขของตัวเองไปฝากไว้ที่บ้านพักที่อยู่นอกเมือง จนกว่าแคมเปญนี้จะเลิกราไป เธอบอกว่าบางคนเลือกที่จะพาสุนัขของตัวเองออกมาเดินเล่นในช่วงดึกหลังเที่ยงคืนไปแล้วเป็นอย่างน้อย ซึ่งเป็นเวลาที่ปลอดหน่วยลาดตระเวน

“เราจะพาสุนัขออกมาเดินเล่นหลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว ขณะที่ตำรวจหลับไปแล้ว คนหนึ่งจะคอยดูลาดเลา ส่วนอีกคนจะพามันไปเดินเล่น” ไห่ เต๋า พนักงานแบงก์คนหนึ่งบอกเล่าวิธีการหลบเลี่ยง

ส่วนนักการเงินของปักกิ่งนามสกุลจาง ที่กำลังพาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ 2 ตัวเดินผ่านอพาร์ตเมนต์ช่วงดึกสงัด บอกว่า กฎระเบียบนี้ไม่ยุติธรรม

“แค่เพราะพวกมันตัวใหญ่ไม่ได้หมายความว่ามันจะก้าวร้าว”

ปัจจุบันในประเทศจีนมีครอบครัวที่เลี้ยงสุนัขและแมวถึง 30 ล้านครอบครัว ซึ่งสวนทางกับหมาและแมวจำนวนมากที่ถูกขนมาพร้อมกับรถบรรทุกขนาดใหญ่มุ่งสู่ภัตตาคารเพื่อกลายเป็นอาหารของคน นักเรียกร้องสิทธิเพื่อสัตว์บอกว่า รัฐบาลกลับไม่มีกฎหมายสำหรับความโหดร้ายนี้

เสี่ยวเฮยบอกว่า เขาช่วยสุนัข 12 ตัวนี้มาช่วงหน้าร้อน โดยเลี้ยงไว้ที่บ้าน 5 ตัว มีภรรยาเขาคอยดูแล แต่ความจริงแล้วกฎหมายอนุญาตให้เลี้ยงเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น

“กฎนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย การบังคับใช้มันขัดแย้งกับสังคม ถ้าพวกเขาสามารถเลี้ยงพวกมันได้มากกว่าหนึ่งตัว ผมไม่เห็นว่ามันจะผิดกฎหมายตรงไหน” เสี่ยวเฮยทิ้งท้าย.