MThainews: ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป สิทธิและเสรีภาพของบุคคลมีการพูดถึงในสังคมอย่างแพร่หลาย ทั้งการแสดงออกทางความคิดเห็น และการมีบทบาทในสังคม ซึ่งปัจจุบันความเป็นปัจเจกบุคคลของคนไทยมีมากขึ้น และคนในปัจจุบัน เริ่มหลุดออกจากกรอบเดิมๆที่มีอยู่
ที่ผ่านมามีการรณรงค์เรื่องสิทธิ และเสรีภาพ ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอยู่เรื่อยมา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน จะเห็นว่า ปัจจุบันเด็กหัวเกรียนก็ไม่ต้องตัดผมสั้นอีกต่อไป ส่วนผู้หญิงก็คงไม่ต้องตัดสั้นเสมอติ่งหู ตามที่เคยปฏิบัติกันมา นับว่าเป็นการกั้นทลายกฎเหล็กของโรงเรียน รวมไปถึงแนวคิดที่ว่า ลดการบ้านของนักเรียนให้มีเวลาทำกิจกรรมอื่นๆทำ เป็นการปรับปรุงระบบการศึกษา แต่ก็ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า จะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพกับการศึกษาไทยมากน้อยเพียงใด
นอกจากนี้ ในเรื่องของ “สิทธิมนุษยชน” ได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ จนบางเรื่องถูกมองว่าเป็นความเลยเถิดเกินไปในการดำรงชีวิตในสังคม เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ กฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจำคุกโดยวิธีการอื่น ที่สามารถจำกัดการเดินทางและอาณาเขต พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยอยู่ในหลักเกณฑ์ดังนี้
(1) ผู้ซึ่งต้องจำคุกจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก
(2) ผู้ซึ่งต้องจำคุกจำเป็นต้องเลี้ยงดูบิดา มารดา สามี ภริยา หรือบุตร ซึ่งพึ่งตนเองมิได้และขาดผู้อุปการะ
(3) ผู้ซึ่งต้องจำคุกเจ็บป่วยและต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
(4) ผู้ซึ่งต้องจำคุกมีเหตุควรได้รับการทุเลาการบังคับให้จำคุกด้วยเหตุอื่น ๆ
แน่นอนว่า ภายหลังที่มีการประกาศออกมา ก็เกิดเสียงทักท้วง โจมตี อย่างหนัก เพราะหวั่นกันว่า สังคมจะกลายเป็นว่า โจรเต็มบ้าน นักโทษฆ่า ข่มขืนกลับยังใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ โดยมีเพียงแต่กำไลฝังชิฟ ที่ติดไว้ และก็ไม่ได้มีอะไรรับรองว่า คนร้ายจะกลับไปก่อเหตุซ้ำ หรือหาช่องทางในการหลบหนี คนทำผิดไม่ติดคุก แม้กระทั่งจับขังคุก นักโทษบางรายกลับไม่สำนึก คุยโทรศัพท์ ขายยาบ้าได้ กลายเป็นการเพิ่มช่องโหว่ของกฎหมาย ที่อีกไม่นานประเทศไทยคงจะอยู่ยากเต็มที
อย่างไรก็ดี สิทธิและเสรีภาพ ตราบใดที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ก็ถือว่าเป็นการนำมาใช้ได้อย่างถูกต้อง เรื่องเพศสภาพก็เช่นเดียวกัน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรามักจะได้ยินคำว่า “ผู้หญิงข้ามเพศ”(ชายแปลงเป็นหญิง)อยู่บ่อยครั้ง เป็นการเลือกดำเนินชีวิตตามจิตใจไม่ใช่สภาพร่างกาย เผยตัวตน ไม่ต้องปิดบังเหมือนเช่นอดีต อีกทั้งปัจจุบันวิวัฒนาการทางการแพทย์ก้าวหน้าไปถึงการผ่าตัดแปลงโฉมได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า จนกระทั่งล่าสุด เกิดคำว่า“ผู้ชายข้ามเพศ”ทำหลายคนสับสนไปตามๆกัน
แต่ที่เป็นปัญหาเกิดขึ้นมา จะพบว่า สิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ตามสื่อต่างๆนั้น มีขอบเขตมากน้อยเพียงใด การสั่งระงับการออกอากาศนั้นถูกต้องหรือไม่ ยังคงเป็นปัญหากันอยู่ เพราะไม่มีการกำหนดชัด ถึงขอบเขตเสรีภาพเหล่านี้ จึงต้องอาศัยความเหมาะสม และความพอดี ไม่เช่นนั้น คนทุกคนก็จะอ้างสิทธิ เสรีภาพ จนละเมิดผู้อื่นเช่นเดียวกัน
MThai News