เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ ฟ้องหมิ่นนักข่าวช่อง 7 รายงานข่าวการใช้จ่ายงบอุดหนุนวัด

 เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ ฟ้องหมิ่นประมาทผู้ช่วย บก.ข่าว ช่อง 7 หลังนำเสนอข่าวความไม่โปร่งใสการใช้จ่ายงบประมาณอุดหนุนวัดของ อบจ.สมุทรปราการ มูลค่ารวม 800 ล้านบาท

           เมื่อวานนี้ (9 สิงหาคม 2556) สำนักข่าวอิศรา ได้รายงานว่า จากการตรวจสอบย้อนไปเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้ออกหมายเรียกนายสมโภชน์ โตรักษา ผู้ช่วยหัวหน้ากอง บก.ข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ไปเข้าพบวันที่ 13 สิงหาคม 2556 นี้ หลังจากถูกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ที่มีนายชนมสวัสดิ์ อัศวเหม เป็นนายก อบจ.สมุทรปราการ แจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากนำเสนอข่าวความไม่โปร่งใสเรื่องการใช้จ่ายยงบประมาณอุดหนุนวัดใน จ.สมุทรปราการ มูลค่าหลายร้อยล้านบาท

           โดย นายสมโภชน์ เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ต่อผู้สื่อข่าวว่า ได้รับหมายเรียกให้ไปชี้แจงในคดีนี้จริง ตอนนี้ตนกำลังรวบรวมข้อมูล เอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ที่จะนำไปชี้แจงต่อพนักงานอยู่ ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า การนำเสนอข่าวของตนมีเจตนาบริสุทธิ์ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากเจ้าอาวาสและประชาชนในพื้นที่ว่า การก่อสร้างวัดในโครงการต่าง ๆ เป็นไปอย่างล่าช้า อย่างไรก็ตาม ก่อนนำเสนอข่าวชิ้นนี้ตนก็ได้ตรวจสอบข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล โดยที่หลังจากตนนำเสนอข่าวไปแล้ว งานก่อสร้างวัดก็ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น

           อย่างไรก็ตาม หลังจากสัมภาษณ์นายสมโภชน์เสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อไปยังนายชนม์สวัสดิ์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้

           ขณะที่แหล่งข่าวจาก สตง. เปิดเผยถึงเงินอุดหนุนวัด จ.สมุทรปราการ ว่า อบจ.สมุทรปราการ ให้เงินอุดหนุนวัดในรูปแบบการบริจาค โดยในปี 2554 ให้งบประมาณ 111 ล้านบาท, ปี 2555 ให้งบประมาณ 200 ล้านบาท และปี 2556 ให้งบประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งมีจุดที่ผิดสังเกตตรงที่ อบจ.สมุทรปราการ ให้เงินอุดหนุนวัดมากขึ้นอย่างผิดสังเกต แต่ผลการดำเนินงานกับไม่คืบหน้า ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย เพราะมีการจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าให้ผู้รับเหมาครึ่งหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีการเซ็นสัญญาอะไร

           นอกจากนี้ แหล่งข่าวจาก สตง. เปิดเผยอีกว่า ตอนนี้ สตง. ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว และคาดว่าอีกไม่นานจะส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาตรวจสอบ

Source : สำนักข่าวอิศรา