นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ (Ani-Aging)
ออกมาฟันธงว่าโจ๊กหมูนั้นเป็นอาหารเช้าที่ดีสำหรับสุขภาพครับ
และคุณหมอฝากข้อแนะนำเกี่ยวกับโจ๊กหมูไว้ด้วยว่า
“ตัวโจ๊กหมู จะมีปลายข้าว รำข้าว ถ้าเยอะไปก็ทำให้หิวเร็วได้เช่นกัน เพราะมันคือ
แป้งที่ทำให้เราหิวเร็วได้ ส่วนสิ่งที่ควรจะทานคู่กับโจ๊กหมูคือ ขิง และต้นหอม
เพราะขิงจะช่วยระบบเผาผลาญในร่างกาย และทำให้ไม่รู้สึกเลี่ยน
ต้นหอม ช่วยในเรื่องลดไขมัน และควบคุมน้ำตาล
ส่วนประโยชน์นั้น หากเราเลือกโจ๊กที่ทำจากปลายข้าวแท้ๆ แล้วผสมจมูกข้าวลงไปด้วย
มันจะทำให้เราได้วิตามินอี (Vitamin E) และ แกมมา ออริซานอล (Gamma-Orizanal)
ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่มีในข้าว หรือรำข้าว
โจ๊กที่ทำจากข้าวกล้องงอกจะยิ่งดีมาก เพราะมีสารกาบา (Gaba) ที่ทำให้สมองร่าเริง
ดังนั้นถ้าเลือกได้ก็ควรเลือกซื้อโจ๊กที่ใช้ข้าวที่มีประโยชน์เหล่านี้
แต่ถ้าหาซื้อลำบาก หาได้เป็นโจ๊กข้าวขาวธรรมดา ก็ไม่ต้องซีเรียส
ลองพยายามลดความเสี่ยงจากการได้แป้ง กับน้ำตาลเยอะ
โดยเน้นทานผักเยอะๆ และไม่ต้องปรุงรสให้หวานขึ้น หรือเค็มขึ้น
ข้อควรระวังคือ อย่ากินโจ๊ก คู่กับปาท่องโก๋ (ม่ายยยยยยยย จริงใช่ไหมหมอ? )
เพราะนั่นคือการนำแป้งมาจิ้มแป้ง และหากโจ๊กนั้นใส่หมูสับแล้ว ก็ไม่ต้องใส่เครื่องในหมูเข้าไปอีก
เพราะเครื่องในเป็นแหล่งของกรดยูริค ที่ทำให้เกิดเก๊าท์
และในตัวโจ๊กก็ทำจากน้ำต้มกระดูก ซึ่งมีกรดยูริคมากอยู่แล้ว
หากเราใส่เครื่องในเข้าไปอีกมันก็จะได้กรดยูริคมากเกินไป
แถมยังได้คอเลสเตอรอล (Cholesterol) มากเกินไปด้วย
เพราะหมูสับก็มีคอเลสเตอรอลอยู่แล้ว
หากใส่เครื่องในอีกก็อาจจะทำให้เราได้คอเลสเตอรอลในมื้อนั้นมากเกินไป ”