จำไม่ได้ว่าเริ่มในรัฐบาลไหนประกาศให้ไทยเป็นเมดิคัล ฮับ แห่งเอเชีย เชื้อเชิญผู้ป่วยผู้ห่วงใยสุขภาพมาเข้าโรงพยาบาลที่นี่โดยให้สิทธิพิเศษสารพัด หากพบชาวอาหรับเพ่นพ่านก็อย่าแปลกใจพวกนี้เข้ามารักษาตัว,ตรวจสุขภาพ,ทำฟันโดยไม่ต้องขอวีซ่า
ขณะที่ลูกค้าต่างชาติกลุ่มเดิมจากอเมริกา,ยุโรปก็คึกคักเพราะค่าใช้จ่ายต่ำกว่าที่บ้านเขามาก ว่าด้วย “ฮับ” เราประสบความสำเร็จล้นพ้นปีที่แล้วกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่ามีชาวต่างชาติเข้ามาเพื่อการนี้ 2 ล้านกว่าครั้ง ทำรายได้เข้าประเทศกว่า 121,000 ล้านบาท
กิจการโรงพยาบาลจึงเป็นการลงทุนที่โชติช่วงชัชวาล ภาคเอกชนเคลื่อนไหวคึกคักมีการลงทุนอุปกรณ์ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ มีการควบรวมโรงพยาบาลหลายแห่งเพิ่มความแข็งแกร่ง
ฟังดูก็รู้สึกเป็นปลื้มกับธุรกิจรักษาพยาบาล...
แต่ในฐานะประชาชนเกิดแก่เจ็บตายต้องพึ่งพาโรงพยาบาลผมปลื้มด้วยไม่ไหว เข้าไปใช้บริการแต่ละครั้งเป็นหน้าซีดกลับออกมาเพราะค่าใช้จ่ายค่ายาแพงบ้าเลือด หากโชคร้ายถึงขั้นแอดมิทให้นอนรักษาตัวแม้แค่ 2-3 วันตอนจ่ายก็เกินกว่าหน้าซีด ถึงขั้นหน้ามืด
การรวมตัวของรพ.เอกชนควรทำให้ต้นทุนเครื่องมือแพทย์,ยาลดลง ซึ่งผมก็เชื่อว่าลดเพียงแต่อานิสงส์มาไม่ถึงผู้ป่วย โรงพยาบาลเป็นกิจการแสวงหากำไรอย่างเต็มรูปแบบเมื่อสะสมได้มากก็ขยายกิจการออกไปในภาคส่วนอื่นที่พวกเราอาจนึกไม่ถึง เป็นต้นว่า สร้างโรงภาพยนตร์
เมื่อก่อนเราไปโรงพยาบาลจ่ายค่าตรวจ,ค่ายา,ค่าเครื่องมือ,ค่าบริการซึ่งเข้าใจได้ เดี๋ยวนี้เกือบทุกแห่งเรียกเก็บค่าเหมาจ่ายทุกๆกระบวนการคิดสตางค์หมด
ผมเคยไปรับการรักษาตาอักเสบ ก็แปลกใจพยาบาลให้ไปวัดสายตาดูตัวอักษรเล็กใหญ่ ให้ไปวัดความดันตา พอพบคุณหมอก็ถามตรวจทำไมเพราะผมมารักษาตาเจ็บไม่ได้มาตัดแว่นหรือตรวจสุขภาพตา หมอเองก็ส่ายหน้ายิ่งการวัดความดันโดยฉีดลมไปที่ตาก็ยิ่งไม่ควรทำกับผู้ป่วยตาอักเสบ แต่เป็นนโยบายโรงพยาบาลให้ทำและคิดเงินทุกจุดที่บริการ
หนักหนาสุดๆอีกงานก็ค่ายาแพงสยดสยองและยิ่งยาแพงบริษัทยากำไรสูงก็ยิ่งรุกทางตลาดเพิ่มยอดขาย จะเห็นว่าทุกรพ.จ่ายยาอย่างเป็นกอบเป็นกำ น่าจะเกินความจำเป็น
เรื่องจริงที่น่าเศร้าคือการตั้งราคาไม่สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้อย่างสมเหตุสมผล จึงเป็นเคราะห์ร้ายของคนไทยเพราะบริษัทยามักตั้งราคาแบบสูงชนเพดาน พบเสมอว่าในโรงพยาบาลจะคิดแบบชนเพดานขณะที่ยาชนิดเดียวกันยี่ห้อเดียวกันขายข้างนอกถูกกว่ามาก
ผมเคยจ่ายค่ายาของโรงพยาบาลเม็ดละ 20 บาทแล้วมาทราบตอนหลังสามารถซื้อที่ร้านขายยาข้างนอกเพียงเม็ดละ 4 บาท เชื่อว่าทุกๆท่านสะสมประสบการณ์โหดร้ายนี้มาแล้วทั้งสิ้น
เรื่องจริงที่เศร้ายิ่งกว่า รัฐมิได้พยายามเข้ามาดูแลการคิดค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลเอกชนและการกำหนดราคายาให้เป็นธรรมต่อผู้ป่วย ชีวิตคนไทยวันนี้ไม่จำเป็นจริงๆ-อย่าป่วยเด็ดขาด.
แมงเม่า