จีนเป็นประเทศที่มีการผสมผสานวัฒนธรรมจากหลายเผ่าพันธุ์ บนผืนดินที่เป็นผืนเดียวกัน ดังนั้นภาษาและวัฒนธรรมจึงปรับตัวเข้าหากันได้ไม่ยากนัก ศิลปเก่าแก่หลายอย่างได้กลายมาเป็นต้นแบบให้กับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีใช้กันอยู่ในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นถ้วยชาม ดินปืน เข็มทิศ อาวุธสงครามต่างๆ และอีกมากมาย แต่สำหรับผมสิ่งคิดค้นที่สำคัญที่สุดกับไม่ใช่อะไรที่ใหญ่โต ไม่มีอุปกรณ์อะไรซับซ้อน มันคือกระดาษแผ่นบางๆ เพียงเท่านั้น แต่เชื่อหรือไม่ครับ กระดาษบางๆ ของจีนสร้างคุณประโยชน์อันใหญ่หลวงต่อมวลมนุษยชาติในโลกใบนี้ ด้วยเหตุที่จีนรู้จักผลิตกระดาษที่มีเนื้อเรียบเนียน จึงถูกนำมาใช้บันทึกข้อมูลและเรื่องราวไว้ตั้งแต่อดีต รวมถึงชาติต่างๆ ที่ใช้กระดาษในต่อๆ มาด้วยเช่นกัน การบันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ของจีนจึงถือได้ว่าสมบูรณ์มากกว่าชาติใดในโลก
นอกเหนือจากเพื่อการจดบันทึกแล้ว ชาวจีนยังรู้จักใช้กระดาษเพื่องานหลายแขนง ทั้งเพื่อเป็นงานศิลปะ เพื่อประดับตกแต่งงานในเทศกาลต่างๆ และงานในพิธีกรรมทางศาสนา
จากหลักฐานการศึกษาและการค้นพบศิลปะการตัดกระดาษเป็นศิลปะพื้นเมืองประเภทหนึ่งที่แพร่หลายกันอย่างมากในประเทศจีน ส่วนความเป็นมานั้นสามารถย้อนประวัติไปได้ถึงคริสตศักราชที่ 6 ก่อนสมัยราชวงศ์ถางของจีนประมาณ 1,500 ปีมาแล้ว แต่ผู้คนโดยทั่วไปเชื่อว่า ต้นกำเนิดของศิลปะการตัดกระดาษนั้นน่าจะเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นอีกหลายร้อยปีเพราะว่า
1. จีนเป็นต้นกำเนิดประเทศที่ประดิษฐ์กระดาษขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อประมาณ ปี ค.ศ. 105 สมัยราชวงศ์ซีฮั่น
2. ผลงานจากศิลปะการตัดกระดาษที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งค้นพบได้ที่ซินเกียงในปัจจุบันคือ ผลงานจากศิลปะการตัดกระดาษรูปภาพลายดอกไม้ 5 ภาพ มีภาพลายดอกไม้แปดเหลี่ยม ลายพุ่มดอกสีทองกับสีเงิน ลายพุ่มดอกเบญจมาศ 3 ภาพสลับชั้น รูปแบบซับซ้อนแต่ก็เป็นระเบียบ อีกสองภาพเป็นภาพขดลักษณะต่างๆ และมีการนำเอาภาพม้าคู่และลิงคู่รวมเข้าด้วยกัน จึงทำให้ภาพสวยงามและแปลกใหม่
3. จากบันทึกทางประวัติศาสตร์หรือเกร็ดพงศาวดารนั้นก็ได้มีการบันทึกเกี่ยวกับศิลปะการตัดกระดาษมานาน
ศิลปะการตัดกระดาษแบบจีนเริ่มขึ้นสมัยซีฮั่น แต่จริงๆ แล้วก่อนหน้าซึ่งยังไม่มีการคิดค้นกระดาษขึ้นมานั้น ก็มีความนิยมในการตัด ฉลุ เจาะ แผ่นทอง แผ่นหนัง ผืนผ้า แม้กระทั่งใบไม้ให้มีลวดลาย นักโบราณคดีค้นพบกระดาษที่ตัดแบบจีน 2 ใบ แปะอยู่ในบริเวณสุสานโบราณเมืองทูลูฟัน ในเขตปกครองตนเองซินเกียง โดยกระดาษที่ใช้ทำมาจากใบปอ ดังนั้นศิลปะนี้อาจจะเกิดขึ้นมานานกว่าซี่ฮั่นก็เป็นได้ แต่อยู่ในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่กระดาษ แต่ ณ ตามหลักฐาก็คงนับให้ว่าเกิดในสมัยซีฮั่น
ศิลปะการตัดกระดาษของจีนนับว่าเป็นศิลปะที่มีกลวิธี ในการตัดและสลักลงในกระดาษแผ่นบางๆ โดยใช้กรรไกรหรือมีดเป็นเครื่องมือในการตัด เป็นภูมิปัญญาอย่างหนึ่งของชาวจีน และยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีจนถึงปัจจุบัน
ที่มณฑลเจียงซูมีการขุดพบใบพัดของสมัยราชวงศ์หมิง หน้าพัดใช้กระดาษสีเขียวสองชั้นผนึกภาพกระดาษตัดรูปดอกเหมย และนกสาริกาทองต้อนรับฤดูใบไม้ผลิอยู่ภายใน สวยงามและโดดเด่นมาก
การใช้กระดาษตัดเรียกวิญญาณ สมัยถังการตัดกระดาษมีการพัฒนาขึ้นอย่างมากแล้ว ในบทกวีของตู้ฝู กล่าวไว้ว่า “น้ำอุ่นรินรดเท้าข้า กระดาษตัดมาชี้นำวิญญาณ” โดยในสมัยนั้น การใช้กระดาษตัดเรียกวิญญาณ เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ชาวบ้าน การใช้กระดาษตัดเรียกวิญญาณนั้น ใช้กับวิญญาณที่ตายอย่างไม่ปกติ เช่น อุบัติเหตุ โดยส่วนใหญ่ผู้ทำพิธีต้องเกี่ยวข้องกับผู้ตายทางสายเลือด ชาวจีนผู้เคยร่วมในพิธีเรียกวิญญาณเล่าว่าการใช้กระดาษเรียกวิญญาณนั้น จะต้องตัดกระดาษเป็นรูปเรือใบ นำมาห่อยอดข้าวเกาเหลียง และเมื่อถึงวันทำพิธีฝังศพ ให้ญาติ (หากเป็นลูกชายจะดีมาก) สวมผ้ากระสอบ ในมือถือกระดาษเรียกวิญญาณที่เตรียมไว้นี้ เดินนำหน้าหีบศพ เพื่อเป็นการชักนำดวงวิญญาณให้หาทางกลับบ้านถูก และไปสู่สุขคติเมื่อทำพิธีฝังเรียบร้อย
นอกจากนี้ในสมัยถังยังใช้รูปตัดกระดาษเป็นแบบในการพิมพ์ผ้า โดยนำกระดาษหนามาตัดเป็นลวดลายต่างๆ ทาบลงบนผ้าแล้วจึงลงสีไปบนผ้าส่วนที่พ้นจากกระดาษออกมา กลายเป็นลวดลายที่งดงามต่างๆ
การตัดกระดาษสมัยซ่งพัฒนาถึงขั้นที่เริ่มอยู่ตัว กระดาษกลายเป็นสินค้าที่ผู้คนนิยมซื้อหา ซึ่งเป็นการยกระดับศิลปะการตัดกระดาษด้วย เช่น กลายเป็นของขวัญ เป็นที่ตกแต่งโคมไฟ เป็นต้น ผู้คนในสมัยซ่งใช้กระดาษตัดในโอกาสที่หลากหลายขึ้น เตาเผาจี๋โจว ที่เจียงซี นำกระดาษตัดมาใช้เป็นลวดลายของเครื่องปั้นดินเผา เมื่อผ่านการเคลือบ และเผาก็จะงดงามมากขึ้น นอกจากนี้ลวดลายของศิลปะการพิมพ์ผ้าสีขาว-ครามนั้นยังใช้การฉลุกระดาษให้เป็นลายก่อน แล้วจึงพิมพ์ลายลงบนผ้า
สมัยหมิงและชิง เป็นช่วงที่ศิลปะการตัดกระดาษพัฒนาถึงขีดสุด การใช้สอยก็กว้างขวางมากขึ้น โดยเฉพาะชาวบ้านนิยมใช้กระดาษตัดมาประดับตกแต่งบ้านกันอย่างแพร่หลาย เช่นที่ประตู หน้าต่าง หิ้ง หรือเพดาน ต่างก็มีการใช้กระดาษฉลุลายตกแต่งทั้งสิ้น ซึ่งหากไม่นับช่างตัดกระดาษในสมัยหนานซ่งแล้ว หลังจากยุคนั้น ผู้ที่เชี่ยวชาญการตัดกระดาษแทบทั้งสิ้นเป็นหญิงชาวบ้าน โดยพวกเขาเรียนรู้จากรุ่นสู่รุ่น นอกจากนี้สัญลักษณ์หนึ่งของชาวจีนโบราณคือ ช่างปักหญิง ซึ่งคุณสมบัติที่สำคัญของช่างปักก็คือ ต้องสามารถตัดกระดาษแบบจีนได้นั่นเอง ดังนั้นการตัดกระดาษจึงกลายเป็นงานฝีมือที่ผู้หญิงจำเป็นที่จะต้องมีความเชี่ยวชาญ ความชำนาญในการตัดกระดาษยังเป็นสิ่งที่คนใช้ประเมินว่าใครจะเป็นเจ้าสาวที่ดีได้ด้วย
สมัยราชวงศ์ชิง กระดาษตัดได้แพร่หลายและเผยแพร่เข้าสู่ราชสำนัก ปัจจุบันตำหนักคุนหนิงภายในพระราชวังโบราณกู้กงที่กรุงปักกิ่งเป็นที่ซึ่งจักรพรรดิทรงใช้ในพิธีอภิเษกสมรส ภายในยังติดภาพกระตัดอักษรตัว"囍" ออกเสียงว่า "สี่" แปลว่า สิริมงคล ติดอยู่ กลางเพดานมีภาพกระดาษตัดลายมังกรกับหงส์ติดอยู่ กำแพงระเบียงทางเดินสองฟากของตำหนักก็มีลายดอกไม้ประดับประดาอยู่ด้วย
ปัจจุบันศิลปะการตัดกระดาษของชาวจีน ยังมีผู้สืบทอดที่มีประสบการณ์การตัดกระดาษแบบดั้งเดิมอีกหลายท่านที่มากด้วยฝีมือ เช่น เฉิน โกว๋จาง ผู้ที่ได้ฝากงานไว้ให้กับผู้นำหลายประเทศ นายหู เป่าโกว๋ ผู้ที่ได้สมญานามว่า ราชาผีเสื้อของจีน หรือ หวัง เจินจู วัย 60 ปี ผู้เชี่ยวชาญศิลปะการตัดกระดาษแบบจีนในเมืองอวิ้นเฉิน มณฑลซันซี ผมเองก็มีโอกาสได้งานศิลปะการตัดกระดาษฝีมือดีมา 3 ชิ้นจากเมืองจีน แต่เสียดายที่ขณะนั่งพิมพ์เรื่องนี้ผมหาไม่พบ เนื่องจากเป็นงานกระดาษบางๆ จึงจำเป็นต้องเก็บไว้ในหนังสืออีกที ปัญหามันอยู่ที่ผมเอาไว้ในหนังสือเล่มไหนนี่สิ แล้วพบกันใหม่ครับ...mata
เรียบเรียงโดย พรชัย สังเวียนวงศ์ (mata)