เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือสดร. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 ส.ค.ที่จะถึง ซึ่งเป็นวันแม่ หากท้องฟ้าเปิดเราจะสามารถชมปรากฏการณ์ฝนดาวตก เพอร์เซอิดส์ ในช่วงหลังเที่ยงคืน เวลาประมาณ 01:00-04:00 น. ของวันที่ 13 ส.ค. บริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจุดศูนย์กลางการกระจายอยู่บริเวณกลุ่มดาวค้างคาว และกลุ่มดาวเพอร์เซอุส ซึ่งอาจมีจำนวนดาวตกที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าถึง 60-100 ดวงต่อชั่วโมง
ทั้งนี้ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์นับเป็นฝนดาวตกที่สว่างเป็นอันดับสอง รองจากฝนดาวตกลีโอนิดส์ มีสีสันสวยงาม สามารถสังเกตเห็นได้ในช่วงวันที่ 17 ก.ค. - 24 ส.ค.ของทุกปี ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในประเทศแถบซีกโลกเหนือ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นช่วงฤดูร้อน แต่ประเทศไทยนับเป็นที่น่าเสียดายเนื่องจากเป็นช่วงกลางฤดูฝน ทำให้สภาพท้องฟ้าไม่เปิด จึงไม่เอื้ออำนวยต่อการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ ยกเว้นในบริเวณภาคใต้ตอนล่างที่ฝนค่อนข้างน้อย จึงนับเป็นโอกาสทองของชาวใต้ที่จะได้ชื่นชมความสวยงามของฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ได้ดีกว่าภูมิภาคอื่น
สำหรับฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์เกิดจากเศษฝุ่นละอองที่ดาวหาง สวิฟท์-ทัตเทิล (109P/Swift-Tuttle) เหลือทิ้งไว้ในวงโคจรเมื่อ 20 ปีก่อน เมื่อโลกโคจรผ่านเข้าไปบริเวณที่มีเศษฝุ่นเหล่านี้ จะดึงดูดเศษฝุ่นเหล่านี้เข้ามาในชั้นบรรยากาศ สังเกตเห็นฝุ่นของดาวหางลุกไหม้เป็นแสงสว่างวาบ และถึงแม้ว่าเศษฝุ่นของดาวหาง สวิฟท์-ทัตเทิล จะถูกทิ้งไว้เป็นเวลา 20 ปีแล้ว แต่เศษฝุ่นของดาวหางเหล่านี้ก็ยังทำให้ชาวโลกได้สัมผัสความสวยงามของฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์นี้เป็นประจำทุกปี.