สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 9 ส.ค. นำเสนอเรื่องราวอันน่าประทับใจของเด็กชายคนหนึ่งที่ยอมรับว่า เขาคงไม่อาจมีชีวิตรอดจากการหลงทางอยู่เพียงลำพังท่ามกลางความมืดมิดของอุทยานแห่งหนึ่ง หากปราศจากความช่วยเหลือและมิตรภาพจากจิงโจ้ที่เดินผ่านมาเห็นเขาพอดี
ด.ช.ไซมอน ครูเกอร์ วัย 7 ขวบ พลัดหลงกับผู้ปกครอง ระหว่างกำลังท่องเที่ยวชมธรรมชาติอยู่ภายในอุทยานอนุรักษ์ "ดีป ครีก" ทางตอนใต้ของเมืองแอดิเลด ในรัฐเซาท์ออสเตรเลีย เมื่อช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่แล้ว หลังได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ของอุทยานราว 40 คน กระจายกำลังกั้นค้นหาทั้งทางบกและทางอากาศ โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวน ขณะที่บิดามารดาของไซมอนเป็นกังวลอย่างมาก เนื่องจากบุตรชายไม่มีอาหารหรือน้ำติดตัวไปเลย นอกจากนี้ เสื้อผ้าที่สวมใส่ยังเป็นเสื้อผ้าขนสัตว์ธรรมดา ที่ไม่สามารถให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายได้แม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม หลังผ่านไป 1 วันเต็ม เจ้าหน้าที่ก็พบตัวไซมอนเดินอยู่ในบริเวณจุดที่พลัดหลงกับครอบครัวราว 500 เมตร ซึ่งสภาพร่างกายโดยรวมของเด็กชายสมบูรณ์ดี มีเพียงรอยข่วนจากกิ่งไม้และหนามเล็กน้อยเท่านั้น
ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกทึ่งเป็นที่สุด คือคำบอกเล่าจากปากของไซมอน ว่าเขาผ่านพ้นค่ำคืนอันแสนหนาวเหน็บและมืดมิดมาได้อย่างไร ซึ่งเด็กชายกล่าวว่า กำลังเดินเก็บดอกไม้ไปเรื่อยๆ โดยตั้งใจจะนำไปมอบให้มารดาในภายหลัง แต่จู่ๆก็มีจิงโจ้ตัวหนึ่งเดินเข้ามาหาและกินดอกไม้ที่เขาถือไว้จนหมด จากนั้นจิงโจ้ก็ผลอยหลับไปข้างเขา ซึ่งหลับไปพร้อมกับจิงโจ้ ก่อนตื่นขึ้นมาพบว่า ตัวเองตื่นขึ้นมาใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง พร้อมจิงโจ้อีกหลายตัว
ขณะที่บิดามารดาของไซมอนกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับบุตรชายเป็นปาฏิหาริย์จากพระเจ้า ที่ส่งจิงโจ้ตัวนั้นให้มาเป็น "เทวดาผู้ทิกษ์" ช่วยให้ไซมอนผ่านพ้นค่ำคืนอันหนาวเหน็บไปได้ และเป็นเรื่องจริงแน่นอน เนื่องจากมีกลิ่นของจิงโจ้ตามร่างกายและเสื้อผ้าของบุตรชายด้วย