เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นของหนึ่งในนิสิตทุนโครงการจุฬาฯ-ชนบท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เผยแพร่โดย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ชมรมจุฬาฯ-ชนบท
ที่มา : http://on.fb.me/194Goi8
ถาม : แนะนำตัวหน่อย
ตอบ : ชื่อ ธันวา พัฒนะศรี ชื่อเล่น กอล์ฟ เป็นคนดินแดนข้าวหลาม ลูกน้ำเค็มชลบุรีตั้งแต่กำเนิดครับ พ่อแม่ทำอาชีพค้าขาย (ลองจินตนาการถึงแผงลอยตามตลาดนัดทั่วๆ ไปนั่นแหละครับ) จบมัธยมปลายจากโรงเรียนชลราษฎรอำรุง ทุกวันหลังเลิกเรียนจะตระเวนไปช่วยพ่อกับแม่ที่ตลาด จัดร้านขายของ จากนั้นก็เปลี่ยนจากชุดนักเรียนเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้น พร้อมกับกระสอบเปล่าหนึ่งใบ เดินไปเก็บขวด กระป๋อง เศษเหล็ก จะว่าไปก็ทุกอย่างนั่นแหล่ะ ที่มันเอาไปขายได้ ใคร ๆ ที่เห็นผมตอนนั้นไม่ค่อยเชื่อครับว่าผมเรียนหนังสือ จะนึกว่าเป็นเด็กเร่ร่อน (แหม่ ไม่รู้คิดได้ไงเนอะ หน้าผมออกจะคล้ายณเดชน์ ^^) จุดเปลี่ยนของชีวิตผมก็ตอนที่ประกาศผลออกมาว่าผมสอบติดทุนจุฬาฯ-ชนบท รุ่นที่ 27 คณะวิศวกรรมศาสตร์ครับ
ถาม : ทราบว่าสามารถเข้าทำงานที่เชฟรอน (Chevron) บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลกได้
ตอบ : ครับ ตอนที่เลือกภาควิชา ผมเลือกภาควิชาวิศวกรรมปิโตรเลียมครับ เพราะผมชอบงานอะไรที่มันท้าทาย งานลุยๆ และก็อยากรู้ว่าเขาทำอย่างไรกันถึงเอาน้ำมันดิบที่อยู่ลึกลงไปใต้เปลือกโลกเป็น หมื่นๆฟุตขึ้นมาได้ ผมถึงต้องพยายามเข้ามาทำงานในบริษัทนี้ให้ได้ และก็ทำได้จริง ๆ
ถาม : ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ตอบ : ถ้าต้องการที่จะเข้าร่วมงานกับองค์กรใหญ่ๆ ไม่เฉพาะกับบริษัทน้ำมันนะครับ ประการแรกเลย คือ ผลการเรียนครับ หลายคนอาจท้อเพราะไม่รู้ว่าจะสู้เด็กกรุงเทพฯ ได้ยังไง ตอนแรกผมก็เป็นครับ และก็เข้าใจถึงความแตกต่างทางด้านการศึกษาระหว่างเด็กเมืองหลวงกับเด็กชนบท แต่นั่นถือเป็นเรื่องโชคดีนะครับที่เรารู้จุดอ่อนของตัวเอง ถึงเราอาจจะฉลาดไม่เท่าพวกเขา พื้นฐานความรู้แน่นสู้เขาไม่ได้ แต่สิ่งที่เราสามารถนำมาชดเชยได้ก็คือความขยันครับ เขาอ่านรอบเดียว เราต้องอ่านสามรอบไปเลย และที่สำคัญอย่าคิดว่าพวกเขาเป็นคู่แข่งนะครับ ให้ช่วยๆ กันไป ไปด้วยกัน ไปได้ไกลครับ
ประการที่สอง กิจกรรมระหว่างเรียน ผมขอยกให้สำคัญพอ ๆ กับการเรียนนะครับ เพราะจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในอนาคตได้ ไม่ใช่แค่นั่งอยู่หน้าตำราอย่างเดียว การทำกิจกรรมให้อะไรหลาย ๆ อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะทางการสื่อสาร การติดต่อกับผู้อื่น การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การฝึกคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ซึ่งทุกองค์กรล้วนแล้วแต่ต้องการบุคลากรที่มีสิ่งต่างๆ เหล่านี้นะครับ
ประการสุดท้าย การฝึกงานครับ เด็กจบใหม่ ๆ ไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน การที่องค์กรหนึ่งจะรับเข้าไปทำงาน เขาจะต้องลงทุนทั้งเวลาทั้งทรัพยากรในการพัฒนาคนใหม่ๆ ขึ้นมา ดังนั้น เขาจึงต้องการคนที่มีความรับผิดชอบ มีวินัย จัดลำดับความสำคัญได้ มีทักษะทางสังคม ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันจะปรากฏชัดตอนฝึกงานครับ
ถาม : ต้องผ่านกระบวนการอะไรบ้างกว่าที่จะได้เข้าร่วมงานกับเชฟรอน
ตอบ : ผมโชคดีตรงที่ช่วงปิดเทอมของปี 2 ผมได้โอกาสเข้ามาฝึกงานกับบริษัทเชฟรอนครับ ตอนนั้นบอกตามตรงเลยว่าเอ๋อมาก เดินเข้ามาที่บริษัทมีแต่ฝรั่ง เวลาส่งอีเมล์ก็ต้องเป็นภาษาอังกฤษ เวลาประชุมถ้ามีฝรั่งอยู่ในห้องเพียงแค่คนเดียว ก็ต้องพูดภาษาอังกฤษ จำได้ว่าตอนนั้น วัน ๆ ได้แต่คอยเดินหลบฝรั่ง ไม่สบตาบ้างล่ะ ภาวนาให้ประชุมไม่มีฝรั่งบ้างล่ะ อีกอย่างคือฝึกงานสามเดือน เขาให้ทำโปรเจ็กหนึ่งชิ้น สุดท้ายก็ต้องนำเสนองานเป็นภาษาอังกฤษ ตอนนำเสนอก็ท่องไปว่าจะพูดอะไรบ้าง แต่พอโดนถามคำถามก็ไบ้กิน พูดสื่อสารกับเขาไม่ได้ หลังจากจบโปรแกรมฝึกงานครั้งนี้ก็กลับมาทบทวนตัวเอง กลับมาพัฒนาจุดอ่อนของตัวเอง หลัก ๆ ก็คือด้านภาษาครับ ในยุคนี้ภาษาอังกฤษสำคัญมากจริง ๆ ครับ
จากนั้นก็มีโอกาสแก้ตัว ช่วงปิดเทอม ปี 3 ฝึกงานที่บริษัทเดิม แต่รอบนี้บอกเลยว่าถ้าเจอฝรั่งผมวิ่งเข้าใส่เลยครับ ตายเป็นตาย ฮ่าๆๆ หลังจากไปยกเครื่องภาษาอังกฤษมาใหม่ ทุกอย่างก็ดีขึ้นครับ แต่รอบนี้ผมเจอพี่เลี้ยงโหด มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาต้องการให้ผมลงไปดูงานที่แท่นผลิตน้ำมันกลางอ่าวไทย ตอนแรกดีใจมากที่จะได้ลงไปเห็นของจริงกับตาตัวเองสักที แต่สิ่งที่โหดร้ายก็คือ ผมต้องเดินทางไปคนเดียว ขนาดสนามบินดอนเมืองผมยังไม่เคยไป แต่ต้องนั่งเครื่องบินไปที่สงขลาเอง จากนั้นต้องไปที่สนามบินของบริษัทเพื่อขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปที่แท่นกลางทะเลที่มีคนทำงานอยู่หลายร้อยชีวิต ผมไม่รู้จักใครเลยสักคน แต่สุดท้าย ผมก็ต้องเปลี่ยนจากความกลัวให้มาเป็นความท้าทายครับ และก็เอาตัวรอดกลับมาได้
ผมเข้าใจว่าที่พี่เลี้ยงส่งผมไปคนเดียวเพราะอยากจะรู้ว่าผมจะเอาตัวรอดกลับมาได้หรือเปล่า ผมจะเหมาะกับงานแบบนี้หรือเปล่า เพราะชีวิตการทำงานจริงในสายงานการขุดน้ำมัน มันโหดกว่านี้มาก ผมจึงตระหนักอยู่เสมอและอยากฝากน้อง ๆ ว่าการฝึกงานไม่ว่ากับองค์กรไหน ทุกอย่างที่เขาให้ทำล้วนมีเหตุผลครับ ฉะนั้นอย่าละเลยเพราะเห็นว่ามันไม่สำคัญนะครับ
หลังจากจบการฝึกงานกับบริษัท ก็กลับมาเรียนตามปกติ จำได้ว่าตอนนั้นปี 4 เทอม 1 บริษัทโทรมาหาผม บอกว่า ได้รับเงินรางวัลห้าหมื่นบาท เป็นรางวัลจากโปรเจ็กที่ทำตอนฝึกงาน และบริษัทเสนอตำแหน่งงานให้หนึ่งตำแหน่งโดยไม่ต้องสัมภาษณ์ ถ้าสนใจให้เข้ามาเซ็นสัญญา...ตอนนั้นดีใจมากครับ
ทุกวันนี้ จากเด็กที่เดินเก็บขวดเปล่าไปขาย กลายมาเป็นวิศวกรกลางอ่าวไทย ความสำเร็จในวันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีพ่อแม่ที่คอยพร่ำสอน และโอกาสจากหน่วยจุฬาฯ-ชนบท รวมถึงเพื่อน ๆ ที่คอยช่วยเหลือกันมา ที่สำคัญ ต้องขอบคุณความมุมานะของตัวเอง ขอใช้โอกาสนี้ขอบพระคุณทุกคนครับ