การขอพระราชทานให้ทรงประกอบพิธีสมรส
การขอพระราชทานให้ทรงประกอบพิธีสมรส ที่เรียกว่า "การขอพระราชทานน้ำสังข์" มีอยู่ ๒ แบบ คือ
๑. แบบเป็นทางการ
๒. แบบส่วนพระองค์ ซึ่งเรียกว่า "น้ำสังข์ข้างที่"
สำหรับหลักเกณฑ์การพระราชทานนั้น ส่วนใหญ่มักจะขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์เหล่านี้คือ
๑. พระราชทานให้แก่ผู้ที่ทรงรู้จัก และคุ้นเคย
๒. ทรงรู้จักบิดา และมารดา ของผู้ขอพระราชทาน
๓. ผู้บังคับบัญชา เป็นผู้ขอพระราชทานให้ ในกรณีที่เป็นตำรวจ ทหาร หรือพลเรือน ที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ ตามข้อ ๑ และข้อ ๒
๔. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเป็นกรณีพิเศษ ผู้ขอพระราชทานต้องทำหนังสือยื่นต่อสำนักราชเลขาธิการ เพื่อขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณา พร้อมทั้งแนบวันเดือนปีเกิดของคู่สมรส และสถานที่ติดต่อมาด้วย
ระเบียบปฏิบัติในงานสมรสซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกอบพิธีพระราชทาน
เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จะทรงประกอบพิธีสมรสพระราชทานแล้ว คู่สมรสจะต้องติดต่อสำนักพระราชวัง พร้อมทั้งแจ้งรายชื่อสักขีทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง สักขีจะเป็นจำนวนฝ่ายละเท่าใดก็ได้ รวมทั้งบิดามารดาหรือผู้ปกครองของแต่ละฝ่ายด้วย
ถ้าคู่สมรสประสงค์จะจดทะเบียนสมรสทางราชการด้วย ก็ให้แจ้งสำนักพระราชวังทราบ เพื่อสำนักพระราชวังจะได้เชิญนายอำเภอท้องถิ่นมารับจดทะเบียนให้ การจดทะเบียนทางราชการนี้ คู่สมรสจะต้องเสียค่าธรรมเนียมจดทะเบียนนอกสถานที่ให้อำเภอในวันจดทะเบียน ๒๐๐ บาท ตามระเบียบ
ที่มา : สำนักพระราชวัง
ตามระเบียบ ไม่ได้กำหนดว่าต้องมีการจดทะเบียนสมรส ตามระเบียบบอกแต่เพียงว่า
"ถ้าประสงค์จะจดทะเบียนสมรสกันทางราชการ" เท่านั้น
ดังนั้น ตามที่เราเข้าใจ คือ การขอพระราชทานให้ทรงประกอบพิธีสมรส นั้น
ไม่จำเป็นต้องมีการจดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย
เอกสารที่ต้องจัดเตรียมเพื่อส่งคำขอที่วังสวนจิตรลดา
1. ข้อมูลผู้ขอพระราชทานพระมหากรุณาให้ทรงประกอบพิธีสมรสพระราชทาน
2. คำขอจากต้นสังกัด
3. คำขอจากบ่าวสาวทำเอง
4. หนังสือรับรองการทำงานของบ่าวสาว (ออกโดยที่ทำงานของบ่าวสาว เพื่อรับรองว่าทำงานอยู่ ณ ที่นั้นๆจริง)
5. บัตรประจำตัวประชาชน / ข้าราชการ
6. หนังสือนัดวันรับน้ำสังข์
7. แบบฟอร์มการขอพระราชทานน้ำสังข์
ตามราบละเอียด ข้างบน ไม่มีคำว่า "ทะเบียนสมรส"
ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนสมรสก็ได้
สรุปลำดับขั้นตอนการขอ "สมรสพระราชทาน"
1. เขียนคำร้องแจ้งความประสงค์เข้าไปที่ สำนักพระราชวังโดยนำเอกสารแบบฟอร์ม"การขอพระราชทานน้ำสังข์" จากกองงานฯ มากรอกรายละเอียด เขียนประวัติของคู่บ่าวสาว และความสัมพันธ์กับเชื้อพระวงศ์ หรือถ้ามีคนในครอบครัวคนใดมีโอกาสได้ถวายงานก็ให้เขียนรายละเอียดลงไปด้วยจะเป็นการดี และเราสามารถระบุช่วงเวลาที่เราต้องการได้เช่นกลางปี 2557 เป็นต้น จากนั้นก็รอหมายแจ้งจากทางสำนักพระราชวัง
( ก็อยากแนะนำว่าถ้าต้องการเร็วและรู้จักผู้ใหญ่อยู่บ้างให้คอยถามไถ่ท่านผู้หญิงที่ถวายงานแต่ละพระองค์อยู่ ทางข้างในวังเค้าจะรู้กันว่าท่านผู้หญิงคนไหนที่เป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้อยู่คือต้องคอยตามเรื่องนิดหน่อย )
2. ทางสำนักพระราชวังจะแจ้งหมายกำหนดการวันเวลา และ สถานที่ที่จะทำการเข้าเฝ้าฯ ช่วงระยะเวลาการรอจะแตกต่างกันไป ในแต่ละคู่ขึ้นกับจำนวนผู้ที่ทำเรื่องไว้ก่อนแล้ว และความสัมพันธ์ที่มีต่อพระราชวงศ์องค์นั้นๆ
3. แจ้งรายชื่อผู้ติดตามทั้งหมด ( บิดา-มารดา และพยานของทั้งสองฝ่ายๆ ละ 4 ท่านโดยรวมคู่บ่าว-สาวเป็นทั้งหมด 10 ท่าน )
4. ถ้าต้องการจดทะเบียนสมรสในวันนั้น ให้เตรียมเอกสารตามที่ระบุ เช่นทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน และค่าธรรมเนียม 200 บาท ให้ทางสำนักพระราชวังก่อนวันเข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานน้ำสังข์
( ในกรณีที่คู่สมรสได้รับอนุญาตให้รับน้ำสังข์พระราชทานแล้ว ห้าม !! ให้มีการรับน้ำสังข์มงคลสมรสจากผู้อื่น (สามัญชน) อีก
ถ้าทางผู้ใหญ่อยากให้มีการเจริญพุทธมนต์ตามความเชื่อของคนไทยก็ควรที่จะจัดเป็น 2 พิธี .. ซึ่งก็คือก่อนหน้าที่จะเข้าเฝ้าฯ ควรจัดเป็นพิธีหมั้นเสียก่อน แล้วในวันฉลองมงคลสมรสพระราชทานในช่วงเช้าก็อาจทำได้แค่เพียงการทำบุญตักบาตรเพื่อความเป็นศิริมงคลของชีวิตคู่ )
5. ทางสำนักพระราชวังจะกำหนดวันนัดซ้อมก่อนวันเข้าเฝ้าฯ
6. นัดซ้อมอีกครั้งในวันจริงพร้อมกันทั้งหมด คู่บ่าว-สาว และผู้ติดตาม ) ซึ่งทางสำนักพระราชวังจะนัดให้ไปถึงก่อนฤกษ์ ประมาณ 3 ชั่วโมง และจะมีเจ้าหน้าที่คอยกำกับบอกแก้ไขจุดที่บกพร่องอีกครั้ง ไม่ต้องกังวลเรื่องรายละเอียดว่าเราต้องทำอะไร อย่างไรในตอนเข้าเฝ้าฯ เพราะทางเจ้าหน้าที่เค้าจะคอยฝึกสอนให้
7. การแต่งกาย
ชาย : ถ้าเป็นข้าราชการให้แต่งเครื่องแบบเต็มยศ ถ้าเป็นพลเรือนให้ใช้ชุดราชประแตน พร้อมติดเครื่องหมายเข้าเฝ้าที่คอเสื้อ
หญิง : ใส่ชุดไทยบรมพิมาน ( ไม่กำหนดสีหรือชนิดของผ้า ) แต่ชุดไทยบรมพิมาน ที่ถูกต้องต้องไม่มีผ่าหลังหรือผ่าหน้า
เพราะจะไม่สุภาพเวลาก้มกราบและหมอบคลาน ส่วนรองเท้าไม่อนุญาตให้มีสายคาดหรือสายรัดข้อเท้า ต้องเป็นแบบสวมหุ้มส้นเท่านั้น เครื่องประดับก็ควรใส่เพียงน้อยชิ้น ไม่ควรมีเป็นระย้าห้อยตุ้งติ้งเพราะต้องมีการก้มกราบหลายครั้ง
ส่วนผู้ติดตามที่เป็นผู้หญิงให้ใช้ ชุดไทยจิตรลดา
8. แบบผมของผู้หญิงควรเป็นทรงที่เรียบร้อย ไม่รุงรังและไม่ฉีดสเปรย์ใส่ผมมากเกินไป จนเหนียวเหนอะหนะ เพราะอาจทำให้มีปัญหาในการทัดใบมะตูมได้
9. เตรียมพานดอกไม้ธูปเทียนสำหรับวันที่เข้าเฝ้าฯ ถ้าเกรงว่าจะไม่ถูกต้องตามประเพณีก็สามารถ
ให้ทางสำนักพระราชวังจัดเตรียมให้โดยให้ไป ติดต่อแจ้งความจำนงและชำระเงินไว้
เมื่อถึงเวลา เข้าเฝ้าฯ ของเราทางเจ้าหน้าที่จะเป็นคนจัดการนำมาวางไว้ให้ที่โต๊ะ
10. เมื่อเสร็จพิธีในส่วนของเราแล้ว ก็สามารถกลับได้เลยไม่ต้องรอให้ทำพิธีจนครบทุกคู่
ปรกติจะมีประมาณ 6-8 คู่ ซึ่งทางสำนักพระราชวัง จะเป็นคนกำหนดแจ้งลำดับก่อนหลังมาให้
ขอบคุณเจ้าของกระทู้คุ