หลังจากภาพยนตร์เรื่อง จูราสสิค พาร์ค หรือชื่อในไทยว่า กำเนิดใหม่ไดโนเสาร์ ถูกฉายครั้งแรกในปี 1993 (ได้ข่าวว่า เอากลับมาฉายใหม่ฉลองครบรอบ 20 ปี ในรูปแบบ 3 มิติ ปี 2013 นี้) สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะลูกเด็กเล็กแดง หรือผู้ใหญ่เองที่เข้าไปชม ก็ต้องทึ่งกับความสมจริงของทีมผู้สร้าง (เทคโนโลยีระดับนี้เมื่อ 20 ปีก่อน ถือเจ๋งมากนะเอ่อ) ที่ทำให้เหล่าบรรดาไดโนเสาร์ที่ม่องเท่งไปนานหลายร้อยล้านปี กลับมาลุกเดินคำรามใส่เราได้ สุดยอดจริง!
นอกเรื่องไปไกลเสียนาน ถึงเวลาพาสมาชิก Travel MThai มิตรรักทุกท่าน กลับมารู้จักกับสถานที่รวบรวมความรู้เกี่ยวกับเจ้าไดโนเสาร์สัตว์โลกล้านปีในทุกมุมโลก กับ “ 10 อันดับ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ระดับโลก” กันดีกว่า มีที่ไหนบ้าง ที่น่าไปเที่ยวชม มาติดตามอ่านกันครับ…
10. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติเฟิร์นแบงค์, เมืองแอตแลนตา ประเทศสหรัฐอเมริกา
โครงกระดูกไดโนเสาร์ยักษ์พันธุ์ กิก้าโนโทซอรัส (เขาว่าใหญ่กว่าโหดกว่าทีเร๊กซ์ ผู้มีชื่อเสียงอีกนะ) ในดินแดนที่ราบสูงปาตาโกเนีย อเมริกาใต้ นักโบราณคดีเขาขุดเจอซากมัน และแงะมันออกให้เราดูกันนั้นยากลำบาก เพราะซากบางส่วน ถ้าออกเอามาจากดินจากหินจริง ก็อยู่ในขั้นเสี่ยงแตกหัก เสียหายง่าย ไม่สามารถขุดออกมาทั้งตัว ไว้ตั้งโชว์ให้คนดูได้เต็มตา
แต่ที่ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติเฟิร์นแบงค์ เขามีเจ้าซากไดโนเสาร์ กิก้าโนโทซอรัส ที่พบในดินแดนปาตาโกเนีย น้ำหนักกว่า 10 ตัน ที่สมบูรณ์แบบทั้งตัว มาตั้งโชว์ตระง่าน เป็นดิสเพลย์เพื่อให้คนดูได้จริงๆ เหล่านักโบราณคดีศึกษาเรื่องไดโนเสาร์ บอกว่า ที่นี่เป็นสถานที่โชว์เจ้าไดโนเสาร์ยักษ์พันธุ์นี้ใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยจัดมาเลยล่ะ
นอกจาก เจ้ายักษ์โหดทีเร็กซ์ยังเรียกพี่ เป็นพระเอกของงานแล้ว ยังมีเจ้าซากไดโนเสาร์พันธุ์อื่นๆ ให้ดูอีก (ไม่เสนอ เดี๋ยวตัวอื่นจะน้อยใจกันพอดี) รวมทั้งจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ และการวิวัฒนาการของไดโนเสาร์ให้เรียนรู้อีกด้วยนะ
9. จูราสสิค พาร์คแลนด์ เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
จูราสสิค พาร์แลนด์ แห่งนี้ เปิดตัวครั้งแรกในปี 2011 เมื่อคุณเข้าไปชมข้างใน ให้ความรู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดไดโนเสาร์ตัวเป็นๆ อย่างกับส่วมบทบาทตัวละครนักโบราณคดีจากเรื่อง จูราสสิค พาร์ค มาเองเสียยังงั้น
นี่แค่ส่วนหนึ่งของการศึกษา ยังมีส่วนของความบันเทิงสร้างเสริมประสบการณ์อีก บนเนื้อที่กว่า 10,000 ตารางเมตร มีทั้งโชว์เจ้าซากไดโนเสาร์ และซากฟอสซิลต่างๆ อีกมากมาย ผ่านการเล่าเรื่องโดยกราฟิกแอนิเมชั่น และหุ่นเคลื่อนไหวสุดไฮเทค รวมถึงการให้คนดู มาสวมบทบาทเป็นสัตวแพทย์ ดูแลตั้งแต่พักไข่ จนถึงรักษาอาการป่วยเจ้าเตโกซอรัสจำลอง อีกด้วย
งานนี้เล่นเอาบรรดาเด็กๆ รุ่นใหม่ที่ยังไม่ได้ดูภาพยนตร์ จูราสสิค พาร์ค ของผู้กำกับสปีลเบิร์ก มองข้ามกันไปเลย เมื่อพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์เสมือนจริงแห่งนี้ สามารถสร้างสรรค์จินตนาการเด็กๆ ได้ด้วยตนเอง ไม่เหมือนเด็กรุ่นก่อนๆ ต้องจินตนาการตามหนัง ตามหนังสือ ก็ว่ากันไป…
8. พิพิธภัณฑ์อิไซโก้ เมืองเคปทาวน์ สาธารณรัฐแอฟริกาใต้
ใครจะไปคิดว่า ที่ทวีปแอฟริกาใต้ มีไดโนเสาร์คล้ายพันธุ์ทีเร็กซ์ และแบรคิโอซอรัส กิ้งก่าร่างยักษ์ กับเค้าด้วย แต่มันก็ปรากฏขึ้นมาแล้วจริงที่ พิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติอิไซโก้ แต่ไม่ใช่มีแค่เจ้าไดโนเสาร์พวกนี้เพียงอย่างเดียว ที่นี่เขาขอเสนอตั้งแต่ยุควิวัฒนาการก่อนกำเนิดไดโนเสาร์ เก่ากว่านั้นไปอีก ในตอนที่โลกมีสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวถือกำเกิดขึ้นมา เวรี่…ดึกดำบรรพ์มากๆ
นอกจากนี้ ยังจัดแสดงนิทรรศการอื่นๆ กว่า 10 ตัวอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น นิทรรศการเรื่องราวความเป็นมาของไดโนเสาร์, เรื่องวงศาคณาญาติของเจ้ากิ้งก่ายักษ์ และตัวอย่างซากไดโนเสาร์อดีตเจ้าถิ่น ที่เคยปกครองที่นี่มาเนินนานก่อนจะสูญพันธุ์ไปตลอดกาล
หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของ พิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติอิไซโก้ คือ ซากกะโหลกของเจ้า คาร์ชาโรดอนโทซอรัส ไดโนเสาร์นักล่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้นเขาว่า โหดดุร้ายไม่ใช่เล่นๆ (เป็นญาติของเจ้ากิก้าโนโทซอรัส ที่กล่าวมาก่อนหน้านั้นแหละ) จนได้ฉายา ยอดนักล่าเพชฌฆาตแห่งแอฟริกา เลยทีเดียว
7. พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์เสฉวน มณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน
ไปเที่ยวชมของชาติตะวันตกมากันเยอะแล้ว คราวนี้ที่เอเซีย แถบบ้านเราก็มีสถานที่รวบรวมความรู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์ระดับโลกเช่นกัน นั่นคือ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์เสฉวน
จีนแผ่นดินใหญ่ ก็เป็นแหล่งค้นพบซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลกเราเลยนะ โดยเฉพาะที่ มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ในอดีตเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของไดโนเสาร์พันธุ์ต่างๆ จำนวนมาก หลังจากเข้าไปข้างใน พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์เสฉวน ก็จะพบซากกระดูกไดโนเสาร์เป็นจำนวนมาก มีโครงกระดูกที่สมบูรณ์ประกอบได้เป็นรูปร่างถึง 18 ตัว และซากฟอสซิลกว่า 200 ชิ้น ที่ไม่สามารถขุดแงะออกมาจากหินให้คนชมแบบใกล้ชิดได้อีก
นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการซากรอยเท้า และผิวหนังที่ขุดพบของเจ้ากิ้งก่ายักษ์ให้ได้ชมกันอีกด้วย โดยพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์เสฉวน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคนจีน สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชมมากถึง 7 ล้านคน ต่อปี!
6. ศูนย์ศึกษาไดโนเสาร์ไวโอมิง, รัฐไวโอมิง ประเทศสหรัฐอเมริกา
จุดเด่นของ ศูนย์ศึกษาไดโนเสาร์ไวโอมิง นั่นคือ จุดโชว์ซากโครงกระดูกไดโนเสาร์ยักษ์กว่า 106 ฟุต นี่คือหนึ่งในซากไดโนเสาร์ที่ยาวที่สุดในโลก ที่เขาขุดเจอกันมา
เท่านี้ไม่พอ ศูนย์ศึกษาไดโนเสาร์ ที่ไวโอมิง ยังแสดงโชว์เจ้าซาก อาร์คีออปเทอริกซ์ บรรพบุรุษของเหล่าสัตว์ปีกทั้งหมาย ที่สมบูรณ์แบบแห่งหนึ่งของโลก นอกจากนี้ยังมีโครงกระดูกของ ไทรเชอราทอปส์, เตโกซอรัส และวงศาคณาญาติของไดโนเสาร์อื่นๆ อีกมากมาย เดินชมทั้งวันก็ยังชมไม่หมดหรอกงานนี้
5. พิพิธภัณฑ์บรรพชีวินวิทยา รอยัลเทอเรลล์ , รัฐแอลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา
พิพิธภัณฑ์บรรพชีวินวิทยา รอยัลเทอเรลล์ ตั้งอยู่ในเขตเมืองดรัมเฮลเล่อร์ รัฐแอลเบอร์ตา ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประเทศแคนาดา ในอดีตที่ตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ อยู่ในบริเวณที่มีการพบซากไดโนเสาร์ และซากฟอสซิลเป็นจำนวนมาก เขาเลยตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาใกล้ๆ นี่แหละ จะได้เก็บรวบรวม ดูแลซากเหล่านี้ได้ง่าย
พิพิธภัณฑ์บรรพชีวินวิทยา รอยัลเทอเรลล์ เป็นที่เดียวของแคนาดา ที่มุ่งเน้นเฉพาะการศึกษาวิทยาศาสตร์เรื่อง บรรพชีวินวิทยา (วิชาที่ศึกษารูปร่าง และลักษณะวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต) ซึ่งผสมผสานองค์ความรู้วิทยาศาสตร์หลายแขนงเข้าด้วยกัน เช่น วิชาเคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา และ ธรณีวิทยา เป็นต้น โดยเป็นสถานที่รวบรวม และเก็บรักษาซากฟอสซิลจำนวนมากมายกว่า 130,000 ตัวอย่าง มีซากโครงกระดูกไดโนเสาร์นานาพันธุ์ตั้งแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชม และพระเอกของที่นี่คือ “แบล็กบิวตี้” เจ้าซากไทแรนโนซอรัส สีเข้มอันเงางาม ยืนตระง่านโชว์ผู้มาเยือน
นอกจากนี้ ทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดโปรแกรมร่วมกับโรงเรียนต่างๆ เป็นประจำ เพื่อถ่ายทอดวิชาบรรพชีวินวิทยาให้กับนักเรียน นักศึกษาได้เข้ามาชม มาเรียนรู้กันที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วย
4. พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แห่งชาติ, กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แห่งชาติ กรุงแคนเบอร์รา เป็นสถานที่เก็บรวบรวมซากฟอสซิลดึกดำบรรพ์ ก่อนประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศออสเตรเลีย นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับไดโนเสาร์ ไม่ว่าจะเป็นถิ่นกำเนิด แหล่งพำนัก การสูญพันธุ์ และชมซากพืชซากสัตว์ ที่มีมาเมื่อประมาณหลายล้านปีก่อนนู้น
นักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสแตะต้องตัวอย่างกระดูกไดโนเสาร์ทีมีอายุประมาณ 150 ล้านปี ได้ด้วยเยี่ยมไปเลย! และยังชมชิ้นงานแสดงอื่นๆ อีกกว่า 300 ชิ้น ซึ่งมีอายุย้อนหลังไปไกลอีกประมาณ 450 ล้านปีเลยทีเดียว นอกจากนี้ คุณหนูๆ ยังสามารถใกล้ชิดเจ้าหุ่นไดโนเสาร์ที่สามารถเคลื่อนไหว และส่งเสียงคำรามได้ หุ่นไดโนเสาร์ยักษ์เหล่านี้ ใช้เทคโนโลยี แอนิเมทรอนิกส์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับสูงเพื่อเลียนแบบสิ่งมีชีวิต หรือสิ่งที่อยากให้ดูเหมือนมีชีวิตเคลื่อนไหวได้ คงสนุกถูกใจควบคู่กับการเรียนรู้ ของเหล่าเด็กน้อยทั้งหลายอย่างแน่นอน
3. ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติ รอยัลเบลเยี่ยม, กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม
ภายใน ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติ รอยัลเบลเยี่ยม เป็นห้องโถงขนาดใหญ่กว้าง แลดูสบายตา ประกอบด้วย โครงกระดูกไดโนเสาร์ และฟอสซิลอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีพื้นที่แสดงโชว์มากนี่เอง ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมรอบๆ เจ้าโครงกระดูกกิ้งก่ายักษ์ ได้ถึงทุกซอกเล็บมุมกระดูกกันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมี เทคโนโลยีแสดงข้อมูลบนจอภาพให้ความรู้เกี่ยวกับการขุดพบไดโนเสาร์ และวิวัฒนาการอื่นๆ ของสัตว์ดึกดำบรรพ์ ให้นักท่องเที่ยวได้เสริมความรู้กันอีกด้วย
2. พิพิธภัณฑ์ฟิลด์, เมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงความรู้ในเรื่อง “โลกแห่งวิวัฒนาการ” ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ รวมถึงไดโนเสาร์จากพื้นที่ห่างไกลกันระหว่าง เกาะมาดากัสการ์ และทวีปแอนตาร์กติกา ในเวลาช่วง 4 พันล้านปีก่อนหน้านั้น (นักธรณีวิทยาเชื่อว่า เมื่อก่อนโลกเราประกอบด้วยพื้นแผ่นดินเดียวกัน ก่อนเปลือกโลกค่อยๆ เคลื่อนแยกออกจากกันจนกลายเป็นทวีปต่างๆ ในอย่างปัจจุบันนี้)
เมื่อนักท่องเที่ยวมาถึงที่ พิพิธภัณฑ์ฟิลด์ ชิคาโก จะได้พบกับ “ซู“ เจ้าโครงกระดูกไทแรนโนซอรัส ขนาดใหญ่สมบูรณ์แบบ ซึ่งคอยให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่เป็นประจำ ใครหลายๆ คน คงคุ้นหน้าคุ้นตากับเจ้าซู อยู่เหมือนกัน เพราะเคยสวมบทบาทการแสดงเป็น เจ้าทีแร๊กซ์น่ากลัว แต่ขี้เล่น ในภาพยนตร์เรื่อง Night at the Museum มาแล้วนะ ซึ่งความประทับใจนี่เอง จึงเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน พิพิธภัณฑ์ฟิลด์ มาอย่างต่อเนื่อง
1. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติเบอร์ลิน, กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติเบอร์ลิน เป็นที่จัดแสดงโชว์ซากกระดูกต่างๆ จำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ถูกขุดพบจากประเทศ แทนซาเนีย ในช่วงศตวรรษที่ 20 รวมไปถึงการจำแนกสปีซีย์สายพันธุ์สัตว์ต่างๆ ในโลก
แต่สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดของ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติเบอร์ลิน คือ แกลเลอรี่แสดงโครงกระดูกขนาดใหญ่ สูง 41 ฟุต 5 นิ้ว ของแบรค